..........เมื่อก่อนเรากล่าวหาว่าน้ำมันมะพร้าวไม่ไดี ถูกปลูกฝังมา จนกลายเป็นผู้ร้าย ในจิตใจ.....
แต่คนโบราณ กลับไม่เป็นโรคอะไร ความดัน หัวใจ และะอีกเป็น 1000โรค
แต่เมื่อระบบธุรกิจเข้ามา คนทั้งโลกถูกปลูกฝังลงไปในจิดสำนึกว่าน้ำมันพืชดี ปลอดภัย จนพ่อค้าน้ำมันพืชร่ำรวยมหาศาล
แต่...มันมาพร้อมกับอันตราย และโรค สารพัดชนิดในปัจจุบัน..ไม่ต้องอ้างอิงมาก
ไปดูราคาว่า ทำไม ราคาน้ำมันมะพร้าวถึงได้แพงมากมาย ขวดละ 200 กว่า แต่ก็ขายได้ ถ้ามันไมีมีประโยชน์จริง ใครจะซื้อ
ทุกวันนี้ โฆษณา หลอกลวง ลวงโลก มีเป็นล้านเรื่อง มีจริงสัก 10 เรื่องใหม
ก่อนซื้อสินค้า..ต้องตามหาความจริง ค้นหาความจริง หาข้อมูล จะได้ไม้ตกเป็นเหยื่อ โฆษณาหลอกลวง...พึ่งรัฐไม่ได้หรอกครับ ดูผงชูรส อันตรายสุดๆ อย.ก็ยัง อนุญาติในขาย ทั้งที่ ประเทศิื่นๆกลับห้ามขาย .. อะไรที่อันตราย ประเทศไทยขายได้หมด ขอให้มีเงินประเคนเข้าไป คนไทยตายชั่งมันเถอะ
ขออนุญาติเอามาจากมหาดอทคอมนะครับ(ลองเอา น้ำมันมะพร้าว ค้นหาประโยชน์ดูครับ)
1. น้ำมันมะพร้าวเป็นโทษกับร่างกายหรือไม่ ?
วงการแพทย์และนักโภชนาการสมัยใหม่ค้นพบแล้วว่า น้ำมันมะพร้าวไม่เป็นโทษกับร่างกายเลย อันที่จริงสิ่งที่ให้โทษกับร่างกายคือน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธีหรือน้ำมันพืชที่เราใช้ปรุงอาหารอยู่ในปัจจุบัน ดังที่เป็นข่าวในอเมริกาว่า ผู้ดำเนินกิจการอาหารฟาสท์ฟู้ดถูกฟ้องฐานทำให้ผู้บริโภคเจ็บไข้ได้ป่วยเพราะใช้น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธีที่มีกรดไขมันทรานส์มาปรุงอาหาร
ในทางกลับกันน้ำมันมะพร้าวกลับช่วยป้องกันโรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็ง ไม่ทำให้อ้วนเพราะเผาผลาญได้เร็วจึงไม่สะสม และไม่ทำให้คอเลสเตอรอลสูงขึ้น และความที่เป็นกรดไขมันอิ่มตัวจึงช่วยควบคุมการเกิดออกซิเดชั่นของไขมันในร่างกาย ช่วยลดอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวพรรณดี ไม่เหี่ยวย่นแก่ก่อนวัย
น้ำมันมะพร้าวไม่เป็นโทษแม้แต่กับเด็กเล็ก เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยกรดลอริค ซึ่งเป็นกรดไขมันที่พบได้มากในน้ำนมแม่นั่นเอง วิธีรับประทานน้ำมันมะพร้าวที่ดีที่สุดคือใช้น้ำมันมะพร้าวแทนน้ำมันพืชชนิดอื่นๆในการปรุงอาหาร หรือจะรับประทานเป็นอาหารเสริมก็ได้ ผู้ใหญ่รับประทานวันละ 3-4 ช้อนชา เด็กวันละ 1-2 ช้อนชา โดยเฉลี่ยแบ่งรับประทานทีละน้อยจนครบจำนวนในแต่ละวัน หรือจะผสมในเครื่องดื่มร้อนๆเช่นโกโก้ร้อนหรือน้ำผลไม้อุ่นๆก็ได้ น้ำมะเขือเทศอุ่นผสมน้ำมันมะพร้าวมีรสชาติอร่อยมาก.
2. คุณภาพของน้ำมันมะพร้าวที่ดี ดูได้จากอะไรบ้าง ?
คุณภาพของน้ำมันมะพร้าว เบื้องต้นดูได้จากมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข โรงงานที่ผลิต และน้ำมันมะพร้าว ผ่านการตรวจสอบจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีความใสไม่มีสี ปราศจากสารปนเปื้อน มีกลิ่นหอม ได้รับการรับรองและเลขสารบบ อย. บนฉลากขวด
แต่ก็สามารถตรวจสอบคุณภาพได้ด้วยตนเองง่ายๆ ดังนี้
2.1. ความใส น้ำมันที่สะอาดจะมีความใส ลักษณะโปร่งแสง แต่อาจเปรียบเทียบคุณภาพความใสที่แตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อได้ไม่ชัดเจน เนื่องจากไม่ได้อยู่ในขวดลักษณะเดียวกัน สีของพลาสติกหรือแก้ว อาจทำให้มีอิทธิพลกับสีได้บ้าง
2.2. กลิ่น ความหอมของน้ำมันมะพร้าว ต้องหอมอ่อนให้ความรู้สึกว่าเป็นน้ำมันสดใหม่ ไม่มีกลิ่นหืน หรือเปรี้ยว ถึงแม้ว่าจะเปิดใช้แล้วกลิ่นต้องไม่เปลี่ยนแปลง แต่ยังมีผู้ผลิตบางรายดัดแปลงกลิ่น โดยใช้น้ำหอมสังเคราะห์กลิ่นมะพร้าว หรือ กลิ่นมะพร้าวน้ำหอมเข้าไป วิธีนี้จะทำให้มีกลิ่นหอมมากในตอนเปิดขวดหรือเปิดใช้ หลังจากนั้นความหอมจะจางลง และเปลี่ยนเป็นเหม็นเปรี้ยว และทำให้อายุของน้ำมันมะพร้าวอยู่ได้ไม่นาน
2.3. ความเบา น้ำมันมะพร้าวคุณภาพดี จะมีความเบา มีความหนืดน้อยมาก เวลารับประทานจะผ่านลำคอได้ง่ายและเร็ว มีความรู้สึกเหมือนละลายในปาก ในขณะที่กลืนลงคอไม่มีกลิ่นรุนแรง ไม่เลี่ยน
2.4. ความซึมเข้าสู่ผิว น้ำมันมะพร้าวคุณภาพดี จะมีโมเลกุลเล็ก ทำให้ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว ไม่ทิ้งคราบน้ำมันลอยอยู่บนผิว
3. ใช้น้ำมันมะพร้าวทำอาหารแล้วมีกลิ่น / เทคนิคการรับประทานน้ำมันมะพร้าว
กลิ่นของน้ำมันมะพร้าวมีเหตุผล 2 ลักษณะ คือ
1. ความเคยชินของการใช้น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธีที่ใช้สารเคมีฟอกสี ฟอกกลิ่นออกจนหมดจึงไม่ได้กลิ่นเวลาทำอาหาร
2. น้ำมันพืชบริสุทธิ์ทุกชนิดจะมีกลิ่นเฉพาะตัว เนื่องจากไม่ได้ใช้สารเคมีใดเข้าไปดัดแปลง น้ำมันมะพร้าวก็เช่นกัน จะมีกลิ่นเฉพาะของน้ำมันมะพร้าว หากผู้บริโภคไม่เคยชิน อาจใส่ใบเตยหรือหอมซอยลงไปในน้ำมันก่อนทอด จะทำให้กลิ่นของน้ำมันมะพร้าวลดลงได้มาก
เทคนิคการับประทานน้ำมันมะพร้าวในรูปแบบต่าง ๆ
1. ใส่ผสมในน้ำผลไม้ (สูตรของ ดร.ณรงค์โฉมเฉลา ใส่ลงในน้ำส้มคั้นรับประทานทุกวัน)
2. ใส่ในแกงจืด อาหารแกงต่างๆ
3. ใช้เป็นน้ำสลัด
4. ราดบนน้ำแข็งใส ไอศกรีม (สูตรนี้เด็กชอบรับประทาน)
5. ใช้ทอดอาหาร อาหารจะไม่ชุ่มน้ำมัน และมีความกรอบได้นาน
6. ใส่ลงไปพร้อมการหุงข้าว จะทำให้ได้ข้าวนุ่ม หอม อร่อย (สูตรพิเศษใส่กระเทียมเล็ก 5-6 กลีบ และใบเตยโรยเกลือนิดหน่อยจะยิ่งทำให้อร่อยมากขึ้น)
4. เวลาน้ำมันมะพร้าวเป็นไข
น้ำมันและไขมันมีความแตกต่างกันอย่างไร น้ำมัน และไขมันมักจะถูกใช้แทนที่กันเสมอ น้ำมันมีสถานะเป็นของเหลว ส่วนไขมันมีสถานะเป็นของแข็ง น้ำมันทุกชนิด สามารถกลายเป็นไขได้ แต่ด้วยอุณหภูมิที่แตกต่างกัน น้ำมันมะพร้าวเป็นไข (แข็งตัว มีลักษณะเป็นครีมขาว) ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 25๐c เนื่องจากมีคุณสมบัติเป็นน้ำมันอิ่มตัวสูง จึงเปลี่ยนเป็นไขเร็วกว่าน้ำมันชนิดอื่น ทำให้น้ำมันมะพร้าวมีสภาพเป็นครีมขาว ณ ที่จุดวางขาย หากมีอุณหภูมิเย็น (และจะเปลี่ยนกลับเป็นน้ำมันใสดังเดิมที่อุณหภูมิสูงกว่า 25?c)
ไขของน้ำมันมะพร้าวไม่ใช่น้ำมันเสีย แต่กลับเป็นสัญลักษณ์ของน้ำมันชนิดดี ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เมื่อคุณซื้อมาจากชั้นวางขาย หรือวางไว้ในห้องแอร์ น้ำมันมะพร้าวอาจเป็นไขได้ คุณเพียงแต่ละลายไขนั้นด้วยการนำออกไปวางในห้องที่มีอุณหภูมิปกติ หรือวางไว้ในบริเวณที่ใกล้แสงแดด (ไม่ควรตากแดด เพราะหากลืมทิ้งไว้เป็นเวลานาน ความร้อนที่สะสมอาจมีผลกับภาชนะบรรจุ)
ถึงแม้น้ำมันมะพร้าวจะเป็นผลิตผลของพืชเมืองร้อน แต่กลับเป็นที่นิยมของคนที่อยู่ในเขตหนาว การเป็นไขของน้ำมันมะพร้าวจึงเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น ภาชนะที่ใช้ให้เหมาะสมจึงใช้เป็นกระปุกปากกว้าง เพื่อใช้ตักแทนการเทริน และขณะนี้การสั่งน้ำมันมะพร้าวออกไปขายยังประเทศเหล่านั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการ
5. SHELF LIFE ของน้ำมันมะพร้าว
น้ำมันมะพร้าวที่ดีจะมี SHELF LIFE (อายุของผลิตภัณฑ์) นานมาก MCFAS (กรดไขมันสายปานกลาง) จะมีคุณสมบัติเป็นสาร ANTIOXIDANTS ทำให้ป้องกันการเสียได้นาน จากผลทดลองในห้อง LAB ของฟิลิปปินส์ น้ำมันมะพร้าวที่บรรจุในกระปุกและเปิดฝาทิ้งไว้ มี SHELF LIFE นานกว่า 5 ปี
แต่ถ้าน้ำมันมะพร้าวมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว หรือ หืนแล้ว ไม่ควรรับประทาน เพราะกลิ่นที่เปลี่ยนไปนี้เกิดจากมีความชื้นเข้าไปรวมตัวกับน้ำมันมะพร้าว เกิดเป็นสารอนุมูลอิสระ
เพราะฉะนั้นศัตรูที่สำคัญที่สุดของน้ำมันมะพร้าว คือความชื้น ขั้นตอนการ DRY OIL คือการกำจัดความชื้นออกจากน้ำมันมะพร้าว เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดขั้นตอนหนึ่ง ดังนั้นเมื่อต้องการน้ำมันมะพร้าวที่ดี การดมกลิ่นจึงสามารถใช้เป็นมาตรฐานการเลือกซื้อเบื้องต้นได้ และหลังจากเปิดใช้แล้วควรเก็บให้ห่างจากการเปียกน้ำ และความชื้น จะทำให้มีอายุการใช้งานได้นาน
6. ทำไมรับประทานน้ำมันมะพร้าวแล้วท้องระบาย และทำไมรับประทานน้ำมันแต่ละยี่ห้อท้องระบายไม่เท่ากัน
ในลำไส้ใหญ่ของเราจะอุดมไปด้วย PROBIOTIC แบคทีเรียชนิดดีอยู่เป็นจำนวนมาก ทำหน้าที่ควบคุมเชื้อยีสต์ และเชื้อรา (ซึ่งเป็นสาเหตุของลำไส้ใหญ่อักเสบ เชื้อราในช่องคลอด) เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ซึ่งมีมากใน ผัก ผลไม้ PROBIOTIC จะใช้เอนไซม์ช่วยย่อย สิ่งที่ได้หลังการย่อย จะได้เป็นกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) และกรดไขมันสายปานกลาง (MCFAs) ในสภาวะที่อุดมไปด้วยกรดไขมันนี้เป็นสภาวะที่เอื้อให้ PROBIOTIC เพิ่มจำนวนขึ้นมากอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การย่อยในลำไส้ใหญ่มีประสิทธิภาพสูง จึงขับถ่ายเร็วขึ้น และขับของเสียออกมาอย่างสะดวกสบายท้อง
น้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยกรดไขมันสายปานกลาง (MCFAs) จึงมีผลต่อ PROBIOTIC ทันทีที่น้ำมันเดินทางไปถึงลำไส้ใหญ่ ดังนั้นหลังจากรับประทานน้ำมันมะพร้าวไปได้ไม่นาน จะรู้สึกเป็นการกระตุ้นลำไส้ให้ขับถ่าย บวกกับคุณสมบัติความลื่นของไขมันจึงช่วยส่งเสริมให้การขับถ่าย ไหลลื่น สะดวดรวดเร็ว
การขับถ่ายที่สะดวกนี้ไม่เหมือนการขับถ่ายที่เกิดจากการรับประทานอาหารผิดสำแดง ไม่มีโทษใดๆ กับร่างกายไม่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เนื่องจากเสียเกลือแร่ ไม่มีผลอันตรายใดๆ เกิดขึ้นเหมือนเช่นรับประทานยาระบาย เพียงแต่ให้คอยสังเกตว่า ลำไส้ของเรามีความไวต่อเรื่องนี้มากน้อยอย่างไร ปรับจำนวนการรับประทาน และเวลาที่สะดวกในการขับถ่าย ก็จะเหมาะสมและสะดวกขึ้น
นอกจากคุณสมบัติของ MCFAs ที่ช่วยให้การขับถ่ายมีประสิทธิภาพดีแล้ว และหากคุณใช้น้ำมันมะพร้าวพร้อมกันหลายยี่ห้อและให้ผล จำนวนการรับประทานที่แตกต่างกัน เช่นบางยี่ห้อรับประทานเพียง 1 ช้อนโต๊ะ บางยี่ห้อต้องรับประทานถึง 2 ช้อนโต๊ะ จึงจะมีผลในการขับถ่ายเหมือนกัน ให้สันนิษฐานเบื้องต้นว่ามีความแตกต่างกันที่ความสะอาดในการผลิต ยี่ห้อที่รับประทานถึง 2 ช้อนโต๊ะน่าจะมีความสะอาดในการผลิตมากกว่า และควรกลับไปพิจารณาเปรียบเทียบในคุณสมบัติข้ออื่นๆ (จากหัวข้อวิธีดูคุณภาพน้ำมันมะพร้าว ดูได้อย่างไร) หรือสอบถามได้โดยตรงกับผู้ผลิต
7. ทำไมต้องเลือกชนิดน้ำมันสำหรับทอด หรือ ผัด
คุณสมบัติของน้ำมันนั้นขึ้นอยู่กับความอิ่มตัว และความยาวของโมเลกุล
น้ำมันที่มีความอิ่มตัวสูง จะมีคุณสมบัติคงสภาพและทนต่อความร้อนได้ดี เมื่อโดนความร้อน หรือความร้อนสูงที่ใช้ในการทอด โมเลกุลก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากไม่ยอมให้ ไฮโดรเจน หรือออกซิเจน เข้าไปจับตัวเพิ่ม (ขบวนการ OXIDATION ที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ)
น้ำมันที่ไม่อิ่มตัว เนื่องจากแขนของโมเลกุลยังมีช่องว่างอยู่ ไฮโดรเจน หรือ ออกซิเจน จึงเข้าไปจับตัวได้ง่าย เกิดการ OXIDATION เกิดเป็นอนุมูลอิสระ และทำให้น้ำมันเสียได้เร็ว
สาเหตุที่ทำให้น้ำมันเสียมีอยู่ 5 วิธี
1. แสงสว่าง
2. ความร้อน
3. ออกซิเจน
4. ไฮโดรจิเนต (การเติมไฮโดรเจนเข้าไป เพื่อเปลี่ยนจากไขมันไม่อิ่มตัวเป็นอิ่มตัว ไขมันชนิดนี้อันตรายต่อสุขภาพมาก เรียกว่า TRANS FAT)
5. โฮโมจิไนซ์ การทำให้ไขมันแตกตัว
ในขบวนการผลิตน้ำมันผ่านกรรมวิธี โมเลกุลของน้ำมันได้ถูกรบกวนและเกิดเป็นอนุมูลอิสระไปแล้วในระดับหนึ่ง และถ้านำมาใช้ซ้ำอีกขบวนการเกิด TRANS FAT จะเกิดขึ้นได้สูงมาก
ปัจจุบันคนไทยมีความรู้สึกที่ดีมากกับน้ำมันมะกอก (VIRGIN OLIVE OIL) ให้ค่านิยมว่าเป็นน้ำมันสุขภาพ และนำมาใช้ปรุงอาหารทุกชนิดในครัว
ถึงแม้ว่าน้ำมันมะกอกจะมีกรดโอเลอิกที่มีประโยชน์มากต่อร่างกาย แต่กลับมีปริมาณไขมันอิ่มตัวเพียง 14% ปริมาณไขมันไม่อิ่มตัว 1 ตำแหน่ง 77% และปริมาณไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง 9% ด้วยคุณสมบัตินี้ทำให้น้ำมันมะกอกไม่มีความคงทนต่อความร้อน จึงควรใช้ประกอบอาหาร เช่น น้ำสลัด หรือ การผัดอาหารที่ใช้น้ำมันไม่มาก และไม่ใช้ความร้อนสูง
ดังนั้นถ้าต้องการทอดอาหารหรือปรุงอาหารโดยใช้ความร้อนสูง อย่างสบายใจจึงควรใช้น้ำมันที่ผลิตโดยวิธีบีบเย็น (COLD PRESSED) และมีความอิ่มตัวสูงเท่านั้น เนื่องจากมีคุณสมบัติทนต่ออากาศ แสง และความร้อนได้ดี ส่วนน้ำมันพืช COLD PRESSED ชนิดอื่นๆ เมื่อเปิดใช้แล้วควรเก็บไว้ในตู้เย็น เพื่อป้องกันการเกิด OXIDATION จากอากาศและแสง
วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
จะทำไห้คนอื่นรวยไปถึงไหน
ทุกอย่าง เพราะผมศรัทธา ในการทำดี
วันนี้ว่างจัด ไม่มีอะไรทำ ก็มาบันทึกความทรงจำเอาไว้ ว่าในชีวิตของเราทำอะไรมาบ้าง
วันที่ 5 กรกฎาคม 2555
เกิดเป็นคนก็ต้องมี ที่มาทีไป
ผมเกิดที่ อ.ขาณุวรลักษณืบุรี จังหวัดกำแพงเพชร
ก็จำได้ว่า อยู่กับปู่ ย่า มาตลอด เพราะว่าพ่อกับแม่ มีอาชีพ ล่องเรือค้าขาย พวกเรือ พาย ไม่สัก ที่ใช้ปลูกบ้าน เอามาที่ที่ บางกอก มาครั้งนึง ก็ประมาณ 3-6 เดือน ก็เลยไม่ค่อยได้เห็นหน้าพ่อแม่เท่าไร
พ่อเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ไฟไหม้บ้านนั้น ผมเองยังแก้ผ้า ตัวเล็กๆอยู่ ทุกคนหนีออกมาจากบ้าน โดยไม่มีทรัพสินอะไร ออกมาเลย แม้แต่เงินบาทเดียว ก็ไม่มี ไฟไหม้ไปหมดทั้งหลัง แบบไม่เหลือซาก
ตอนนั้นพ่อเล่าให้ฟังว่า ลำบากมาก แทบจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง ดีที่แม่คอยอยู่ ห้ามไว้
ผมเองก็เรียนที่โรงเรียน ท่าฟุตทรา(อาจจะเขียนผิดนะ) แถวๆตลาดนั่นแหละ แต่เดินครับ นะจะหลายกิโลอยู่ เพราะบ้านย่าไม่ได้อยู่ในตลาด
กว่าจะถึงโรงเรียนก็ แถไปเรื่อยๆครับ บางที่ก็ไม่ถึง มันไกลมาก แวะบ้านอายูร เสียก่อน(อาเป็นหมอ ที่เอาบ้านทำคลีนิค ในตลาด)
ช่วงที่น้ำท่วมนี่ จะลำบากมาก ต้องลุยน้ำไปโรงเรียน ครึ่งล้อรถจักยาน รุ่นโบราญนะครับ ล้อใหญ่ๆ สู๊ง สูง อานหลังใหญ่มา นั่งงี้ เจ็บเลยครับ ก็ได้ลุง อีกคน ปั่นจักยานไปส่ง วันไหนไม่ไปส่ง ก็ไม่ไป (ได้โอกาส)
ก็อย่างที่บอก บางที 1 ปี เจอหน้าพ่อแม่ 1-2 ครั้ง ย่าเลี้ยงก็คงตามใจกันไป ย่าทำขนมขายทุกวัน ขนมน้ำตาล ที่หยดใส่ไม่แล้วเอามาประกบกันเป็นรูปต่างๆนะ หว๊านนน หวาน กับอีกสารพัดขนม
เรียนอยู่ที่นั่นน่าจะแต่ ป.2 ไม่จบมั๊ง...พ่อแม่กลับมา พอมีกะตัง ก็มาซื้อที่ดิน ที่ บ้านโคนเหนือ ตอนนั้นยังเป็น หมู่ 9 ต.คณฑี หรือเปล่า ไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้เป็นเทศบาล ต.เทพนครไแแล้ว
ซื้อที่ไว้ประมาณ 13-14 ไร่ ประมาณนี้ละ ตรงหน้าที่ๆซื้อ คือบ้านยายป๊อก แก่มากแล้ว เป็นหมอนวด จับเส้น หมอตำแยพร้อม
ตอนแรกที่มา ก็มาสร้างโรงสีข้าว ขนาดกลาง ที่สีข้าวได้วันละ 3 เกวียน ตอนนั้น ยังไม่มีบ้าน ก็นอนในโรงสี นั่นแหละ โรงสีที่ทำนี้ สีข้าวฟรี มีรถรับข้าวเปลือ แล้วส่งข้าวสาร เอาแต่รำกับปลายไว้ขาย กับเลียงหมู
ผมก็จำไม่ได้ว่า ย้ายมาอยู่กับพ่อแม่ตอนไหน ก็คง ป2 นั่นแหละ มาเรียนที่โรงเรียน คณฑีประสิทธิ์อุปถัมป์ (คงไม่ต้องบอกนะ ว่าใครสร้าง 555) ผมก็เรียนที่นั่นจนจบ ป.6
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
จากนั้น ก็เป็นคนเดียว ของรุ่นนี้ ที่เข้าไปเรียนต่อที่โรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม นอนนั้นเรียนที่ คณฑืพิทยาคมทั้งหมด (เพิ่งเปิดใหม่ๆเลย) น่าจะ ม2/5
ตอนนี้เิ่มมองสาวโรงเรียน วชิรปราการแล้ว แต่ยิ้มๆให้กัน (แบบว่ามองตารู้ใจ คือคนที่วางแผนจะแต่งงานในตอนแรกเลยละ คบมา 10 กว่าปี จนทำงานเลย)
ตอนนี้ ยังไม่มีอะไรฉายแวว ออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน การเรียนก็ระดับกลางๆ ถึงดีเล็กน้อย จบ ม 3 ก็ได้โควต้า เทคนิคกำแพงเพชร เลือกแผนก ช่างยนต์
ข่วงนี้ เิ่ริ่มหัดเล่นดนตรี กีต้าร์ ซ้อมมันทุกคืน ประมาณ 1 เดือน ก็ตั้งวงดนตรี ในนาม ฟาวเท่นสปริง(อังกฤษลืมไปแล้ว) มีการประกวด ที่โรงหนัง...ลืม แบบโอเพ่น งานนี้เขาลือกันว่ามีการโกง เอาอาจารย์ที่สอนนักเรียนวงที่ชนะ มาตัดสิน ไม่เป็นไร ทุกคนรู้ว่าเราโดน...
อีกครั้งที่วิทยาลัยครู คราวนี้ เราคว้าชนะเลิศ ได้อย่างสบาย แม้จะตั้งวงได้ 1 เดือนกว่าๆ ก็สามารถล้มวงเล่นอาชีพได้
ก็เิริ่ม หาสาว มีเป็นแควนประจำ ก็รักกันดีอยู่ มีคนนอนคู่ไม่เหงา นอกจากคนดั้งเดิม ก็เิ่ริ่มหาเพิ่มเติมได้ 2 คน น้องนกกับน้อง....หน้าวัดคูยาง
กิจกรรม ในเทคนิค เริ่มก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ ของแผนก ไม่ว่าทิมเชียร์กีฬาสี ฝึกเองเต้นเอง นำเชียร์เอง(ไม่ใช่คนเดียวนะ ร่วมกับเพื่อนๆ ในแผนก)
ช่วงวันศุกร์ วันเสาร์ กลางคืนก็ออกรับจ้างเล่นสตริงคอมโบ้ 5 คน ลาเรียนบ้าง โดดเรียนบ้าง เวลาจบ ท่านอาจารย์ท่านใจดี ถีบๆ ออกมาให้จบ ปวช.จนได้
บ้านจนครับ กะจะเลิกเรียนแล้วทำงานเลย ไอ้วุฒืครับ มันจะไปสมัครสอบที่เชียงใหม่ เทคโนภาคพายัพ เชียงใหม่ มาออ้นวอน ให้ไปสอบเป็นเพื่อน..สุดท้ายมันก็ลากไปสอบกับมันจนได้
แต่ว่า....เทวดาเขาถีบ
ผมติดครับ มันไม่ติด เอาแล้วซี ผมก็จะไม่ไปเรียน คุณแม่ข้อร้องอีกละ.....ไหนๆก็สอบได้แล้ว ไปเถอะลูก...นั่นคือ ทำไห้ผมต้องระเห็ดไปนอน เชียงใหม่ 2 ปี เต็มๆ
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ไปเรียนเชียงใหม่ เทอมแรก หาที่อยู่ไม่ได้ เดินไปชน หอนรกครับ555+ ผมว่ารู้ทุกคน ก็ทนอยู่มา 1 เทอม แต่สาวสวยนะ ข้างๆหอ ผมจะรอมาซักผ้า ที่ลำธารเล็กๆ ข้างๆหอครับ ฌะอไม่มาซัก ผมก็ไม่ไปซักเด็ดขาด แอบมอง รออยู่อย่างนั้น (ก็มาน สุขจายยยย) เพียงยิ้มเล็กน้อย ทักอีกนิด แค่นี้ก็ทนอยู่หอ นรกได้แล้วครับ(เพราะราคามันถูก)
เนื่องจากเรียนภาคบ่ายครับ เลิก 2 ทุ่ม แต่ถึงบ้านคี 2 ทุกคืนครับ ทุกคืนจริงๆ
เลิกเรียนแล้วแล้ว ไม่เคยได้กลับบ้านสักที ไปตีนุ๊ก แล้วเอาหัวราน้ำ อยู่แถวๆ ร้านหน้า มหาลัยเชียงใหม่ มช. ก็มันเยื้องกันนิดเดียว ถือเป็นกิจกรรมที่ต้องปฏิบัติร่วมกับเพื่อนๆ ในแผนก แต่ผมไม่มาววววว หรอก อย่างน้อยก็ลากกันกลับถึงบ้านทุกคน
ช่วงฤดูหนาว ก็เช่าหอไว้เก็บของ ไปนอนบนดอย มันทุกคืน แบบว่า เวลาไปเรียน ต้องเตรียมเสื้อเที่ยวไปอีกชุดกันเลย (คือทั้งห้องที่มาจากต่างจังหวัด ย้ายมาเช่าหอที่เดียว รวมกันหมด ๔้าโดดเรียนนี่ อาจารย์ไม่มีนักเรียนสอนเชียว)
ก็เรียนไป เที่ยวไปครับ แม่สาย ลำปาง ลำพูน กว้านพะเยา ห้วยตึงเฒ่า แม่แจ่ม แม่แตง เรียกว่า 2 ปีนะ ไปแหลกเลย ด้วยรถจิ๊ป เท่ห์ๆ ของเพื่อน นัฐ (ขอบันทึกซื่อสาวไว้หน่อย น่ารักมา หยู กับ หยี เพื่อนเที่ยวเลย )
กิจกรรมก็ทำไปเรีอย สาวก็เหล่ นิดหน่อย แต่อาจจะเรียกได้ว่า มีเพื่อนสาวๆ แผนกอื่นๆ เยอะไปนิด เพราะเป็นคนที่ น่าคบ (555) ไม่ว่าบัญชี และอื่นๆ..ยังหาแฟนเป็นตัวเป็นตนไม่ได้
ช่วงเช้าก็ไปช่วยป้าคนหนึ่งขายก๋วยเตี๋ยวที่ใต้ถุนตึกสามัญ ทุกวัน ป้าแกก็รวยนะ แต่แกเหงา อยู่บ้าน เลยมาขายเล่นๆ ถ้าสาวสวยๆซื้อ ผมก็จัดลูกชิ้นเยอะหน่อย ขี้เหล่ก็ลดลงมา จำนวนลูกชิ้นนี่ วัดที่ความสวยครับ ผมก็เลยเป็นที่รู้จักของสาวๆ มากหน่อย ก็ทำแบบนี้มาจนจบ ปวส. ละครับ (กินของแกฟรี อีกต่างหาก)
ปล..มีสาวคบอยู่แล้ว ที่รออยู่ ..ช่วงนี้ผมน่าจะเลิกกับ นกแล้ว เพราะความห่างไกล ไม่เป็นไร ผมมีน้องน้อย เข้ามาแทนที่ความเหงา แต่คนแรก ผมก็ยัง ติดต่อกันอยู่ อย่างเหนียวแน่น คอยรอจดหมายตอบ ทุกวัน
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
จบมาก็เกณฑ์ ตะหาร...ไม่ติด ถูกคัดทิ้ง เพราะ หล่อเกินหน้า ผู้คุม 555+
หางานทำต่อเลยที่นี่ หาสัก ครึ่งเดือน ก็ได้ทำงานที่ บ.ยางสยาม จำกัด(ตอนนั้นยังเป็น ไฟร์สโตน อยู่)
นับเป็นความโชคดี ที่รับคนเดียว จากหลาย สิบคน มาแบบไม่รู้จักใคร..สอบๆไป 555 ได้งานทำวุ๊ย คราวนี้ เขาเลือกเรา เพราะความหล่อเกินห้ามใจ 555+
ไม่ใช่ บริษัท เชามีมาตรฐาน ถึงเครือซีเมนต์ไทย เอาเป็นว่าได้ทำงานละกัน ที่สาขา นครสวรรค์ หัวหน้าสาขาคือพี่นิกร มันก็เข้าอีหร็อบเดิม
เลิกงานไม่เคยได้กลับบ้านไปเปลี่ยนชุด ไม่ตี 2 ไม่กลับบ้าน เล่งหงห์ ...ทุกที่ละกัน หม้อบ้านใคร ไปตีมันให้หมด ผ่านพ้นไป 1 ปี ก็ซื้อรถมือสอง ช้างเหยียบ แค่งเทห์ มา 1 คัน เริ่มหลงรักสาวดาวของห้างวิถีเทพนครสวรรค์ ซะแล้วเรา ขายเครื่องสำอางค์ ...
มีรถแล้วนี่ ถึงจะเก่าไปหน่อย ไม่เป็นไร ตั้งใจรัก ตั้งใจจีบ ถึงจะสวยสุดของห้างก็เถอะ สักวันคงใจอ่อนเอง เลิกงานต้องมาเดินผ่านให้เห็นหน้าทุกวัน จนวันนึงก็ชวนไปกินข้าวด้วยกันที่ร้าน.....
ก็เริ่มสานตะกล้า ตะแกรง เอ้ยยย สานความสำพันธ์กันมา ด้วยดี เพราะผมรักจริงนะ เมื่อความรักสุก มันก็งอม เป็นธรรมดา เป็นช่วงที่มีความสุขมาก เพราะคนนี้ผมรักมากๆ และสงสารในขีวิตของเธอ
จนวันนึง เธอต้องไปประจำที่เชียงใหม่ ความห่างไกล เริ่มเข้ามา จนวันนึงผมได้รับช่าวจากเธอ..ผมขึ้นไปเชียงใหม่ทันที .. เราร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิด ทั้งที่ไม่อยากทำ ยังจำและสำนึก รำลึกถึงอยู่จนทุกวันนี้ิ พร้อมทำดีทดแทนให้อดีต ผมก็ยังคบกันอยู่ตลอด ช่วงนั้น ชีวิตมันขาดอะไรไปบางอย่าง
(คนเก่าผมก็ยัง จดหมายถึงกันตลอดครับ เธอไปทำงานสมุทรปราการ ขณะทำงานผมก็ฝากเงิน เข้าบัญชี ไว้ เอาไว้แต่งงาน) ก้ยังมีน้องๆจากพานิชย์ วิริยาลัยนครสวรรค์ มาให้กำลังใจบ้าง น้องกาญจ์ สาวขายของที่ีห้าง(ครั้งเดียวก็เกินพอ คิดว่าไม่ใช่แน่ กลัวผูกพัน
วันหนึง.......
เชื่อใหม แม่ผมโดนรถบรรทุกดินกำนัน...เส้นใหญ่มาก ที่ปทุมธานี ชน สาหัส ผมไม่รู้ เพราะทุกคนปิดผม ทุกคน หมดค่ารักษา เป็นหนี้เป็นล้าน...ทั้งบ้านไม่มีใครบอกผม ผมรู้แต่ว่า แม่กับพ่อ เอาไม้มาขาย ที่ปทุม
เอาแต่ทำงาน วันๆ ไม่ได้ไปไหน ชิวิตโดนล็อก ติดห้องแอร์ 7-18.00 น.
ผมทำงานอยู่กับยางสยาม จนถึงช่วงที่เปลี่ยนมาใช้ คอมพิวเตอร์ (ผมแอบไปเรียน ดีเบส-โลตัส 123 ไว้ก่อนแล้ว) แต่ผมคิดว่า ชีวืตลูกจ้างแบบนี้มันไม่ใข่ ไม่มีทางรวยแน่ๆ หนี้ทางบ้านเป็นล้าน ไม่หลุดแน่ ผมทำเรื่องลาบวช ให้แม่ แล้วขอลาออกเลย ครบจบเป็นเวลา 2 ปี พอดี กับ ยางสยาม
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ก้าวแรกที่โลดแล่น ในสังเวียนที่ต้องคิด ทุกวินาที (อย่างกะหนังจีน) ด้วยวัยประมาณ 22 ปี(น่าจะนะ)
จบ ปวส.+ทำงาน 2 ปี กับภาระ ปลดหนี้ ล้านกว่าบาท ให้กับครอบครัวทั้งหมด
ให้พ่อสอน เรื่องการคิดไม้ การดูไม้ประเถท ต่างๆ ไม้สัก เป็นยังไง ไม้ตะแบก ไม้ยาง
1 ยกติดยังไง บ้าน 1 หลัง 3 วา คิดยังไง ประมาณ 1 อาทิตย์
ก็ขับรถ คันที่ซื้อตอนทำงานนั่นแหละ ออกซื้อบ้านไม้สัก อย่างเดียว อย่างอื่นคัดทิ้งหมด แถวๆ นาบ่อคำ ประมาณนั้น เที่ยวแรกอาสัยเขามา ยังไม่ค่อยรู่เรื่องมากนัก มาลงที่บ้านถั่ว ปทุมธานี เอามา 1-2ิ หลังนี่ไม่แน่ใจ
ระหว่างขายนั้น ผมคืดว่าถ้ามาแบบนี้ไม่รุ่งแน่ ขายบ้านเทียวแรกได้ กำไร ประมาณ 3-5 หมื่นบาท (25 ปีที่แล้วนะ)
ตอนนี้ถึงเป็นครั้งสุดท้าย ที่ผมได้เจอกับแฟน คนที่ทำงานห้าง ขายเครื่องสำอางค์ เธอมาหาผมที่ กองไม้ ถามว่า เราจะจดทะเบียนกันได้ไหม ไอ้ผมก็ลังเลตอนนั้น เพราะไม่ได้คิดอะไรไว้ .. เธอคงมาถามเพื่อความมั่นใจ ในชีวิตคู่ แล้วจากวันนั้น ผมก็ไม่สามารถติดต่อกับเธอได้อีก จนถึงทุกวันนี้
นั่นคือครั้งสุดท้าย ที่เราพบกัน.....(ถ้าบังเอิญมาเจอ ขอบอกว่า ความทรงจำดีๆไม่มีวันลืม)
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เที่ยวต่อไป ทำเื่องเองทั้งหมดครับ เอาละซิที่นี่ อายุ 22 ปี ลุยทั้งป่าไม้ ตำรวจ สารพัด กำนัน ผู้ใหญ่ ลุยพรานกระต่ายเลยครับ ไม้สักสวย ไม่แพง
ช่วงนี้ ถือว่าตัดเรื่องสาวๆไปเลย มุ่งมั่นที่จะทำงาน ค้าขาย เพื่อปลดหนี้ใหทางบ้านให้ได้ ...
เหล่ อย่างเดียวไม่มีหลี ตัดทุกน้องออกหมด เหลือคนเดียว ที่คิดจะแต่งงานด้วย(คนแรกเลย)
ง่วงละ ว่างมาต่อ
วันที่ 10-7-55
เมื่อทำเรื่อง ขนย้ายบ้านเอง ก็เขาหาป่าไม้ ยื่นเรื่อง ตามธรรมเนียน (ขอไม่ลงลึกละ ) ระหว่างรอก็ตะเวณซื้อบ้านไม้สัก ประมาณ 15-20 หลัง เล็กใหญ่เอาหมด ขอให้เป็นไม้สัก ไม้อื่นๆ ตัดออกหมด หนักรถ แต่ไม้แดงเอานะ แขกแถวมีนบุรีชอบมาก
เอามากองไว้บ้านหลังนึง ที่ทุกคนกล่าวขานกันว่าร้ายมาก...เอาแล้วซี เราคนนอกพื้นที่ไม่รู้ เอางี้
ผมจ้างพี่เฝ้าให้ผมละกัน 5555 จ้างขโมยเฝ้าไม้เราซะ จบเลย ไม่มีหายสักแผ่น 3-4 เดือน เมื่อใบอนุญาตออก ก็ใช้รถพ่วง 18 ล้อ ขนมาที่ปทุมเลย ลงข้างๆวันบ้านพร้าวนอก นั้นเอง
มาถึงก็ให้คนงาน ขยไม้ลง ผมก็ไปจัดการตามธรรมเนียม กับเจ้าที่เจ้าทางต่างๆ เรียบร้อย
ตรงนี้เองผมได้เจอกับแฟนผม คนปัจจุบัน.....เธอขายของอยู่ในวัดบ้านพร้าวนอก
...................................................................................................
วันที่ 28-8-55
บ้านเธอขายชองชำ อยู่กับพี่ และแม่ที่อายุมากแล้ว เราก็จำเป็น (จ้อง)ซื้อของทุกวัน ตนกลายเป็นความคุ้นเคย ก็รับอาสาขัยรถให้ เวลาไปซื้อของเข้าร้านที่จังหวัด
แม่เธอก็มาซื้อไม้ไปปลูกบ้านมั่ง ประมาณนั้น ผมก๋ต้าขายเฟอร์นิเจอร์ไม้สักด้วยที่นี่ ประมาณ 1 ปี เที่ยวแรกนี่น่าจะได้กำไรสัก 5-7 แสนนะ
ผมก็เอาไปปลูกบ้านแยกกับแม่ 1 หลัง ออกมาต่างหาก ระหว่างที่ขายไม้เที่ยวแรก ผมก็ยื่นเรื่องเที่ยวที่2 รอต่อเลย ขึ้นไปกว้านซื้อไม้เป็นช่วงๆ เพราะทำงานคนเดียว เลยไม่คล่องเท่าไร
ช่วงนี้เอง ที่ผมไม่มีเวลาที่จะดูแล-รับรู้ข่าวคราว หัวใจของผม วันนึงพี่สาวผมลงมา บอกว่า วิ่งผ่านหน้าบ้าน แฟนผม เห็นมีงานแต่งงาน !!!!!!!! (10 ปี ที่คบกัน)
ผมไม่รู้จะทำยังไง..หมดกำลังทำงาน ไปหลายวัน คืดไรไม่ออก ......จริงๆเวลานั้น
สุดท้าย..ช่างมัน เพราะมันไม่ใช่จองเรา ขืนไม่ทำงาน เดี๋ยวครอบครัวจะแย่ เพราะที่มานี่ มีผมกับแม่เท่านั้น ถ้าผมไม่สู้ คือล้ม....
เที่ยวที่ 2 นี่ผมไปซื้อที่พรานกระต่ายทั้งหมด ...กองไว้นานพอดู ต้องไปเฝ้าเอง เล่นกองในเมืองเลย ห่างจากโรงพักไม่มากนั้น +๑๒๓
ก็มีสาวจากวิลัยครูบ้าง จาก...บ้าง ไปเป็นเพื่อน ฮี่ฮี่ฮี่.......ช่วงนี้บ้านผมน่าจะเสร็จแล้วนะ
พอได้ใบอนุญาติ ผมก็ขนมาลงที่เดิม ครับ ...
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)