วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สูตรการทำ "ไก่วิงแซ่บ" งานมิลเลอร์ KFC ก๊อบปี้เกรด AAA

สูตรการทำ "ไก่วิงแซ่บ" งานมิลเลอร์ KFC ก๊อบปี้เกรด AAA

วัตถุดิบส่วนผสมที่ต้องเตรียม

1. ไก่สดน่องปีกเล็ก ซื้อมา 90 บาท ได้มาราวๆ 28 อัน

2. เกลือ (ค้ยเอาในครัว เอามาผสมน้ำแช่ไก่ค่ะ ครึ่งถุงก็พอเดี๋ยวเค็ม)

3. ผงลาบ ซื้อที่ 7-11 มียี่ห้อ รสดี ซองละ 19 บาท

4. แป้งโกกิ (ซื้อที่ 7-11 เหมือนกัน 15 บาท)

5. น้ำมันสำหรับทอด 1 ขวด 38 บาท (ซื้อที่ 7-11 อีกนั่นแหล่ะ)

7. ไข่ไก่ 2 ฟอง (10 บาท)

รวมค่าวัตถุดิบ = 191 บาท ทำออกมา 28 น่อง ตกอันละ 6.8 บาท

วิธีการทำ

เอาไก่สดไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วแช่ในน้ำเกลือ ตามสูตรเค้าให้แช่ไว้ประมาณ 24 ชม.

เสร็จแล้วก็ล้างน้ำเกลืออก เอาขึ้นมาพักไว้รอสะเด็ดน้ำ

ใช้แป้งโกกิ ครึ่งถุง เอาไก่ที่ผึ่งไว้เมื่อกี้ ลงไปคลุกบางๆ เคาะๆออก

ตอกไข่ 2 ฟองตีใส่ถ้วย

เอาแป้งโกกิที่เหลือเทลงแป้งตะกี้ แล้วใส่ผงลาบลงไป 1 ซอง และคลุกแป้งให้เข้ากัน

เอาไก่ที่พักไว้ >> ไปชุบไข่ก่อน >> แล้วเอามาคลุกลงไปในแป้งค่ะ

เอาน้ำมันเทใส่หม้อ น้ำมันจะได้ท่วมๆไก่ เทน้ำมันลงไป ประมาณครึ่งขวดค่ะ แล้วเอาไก่ลงทอด ราวๆ 5-7 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดไก่ค่ะ หรือดูพอเหลืองๆ เป็นอันใช้ได้ เสร็จแล้วเอาผงลาบอีกถุงนึง ฉีกแล้วโรยเลยจ้า ใช้โรยแค่ครึ่งถุงเองเหลืออีกครึ่งถุงแหน่ะ เสร็จแล้วก็ใส่จานเสริฟได้เลย

ที่มา : เว็บไซต์ Bloggang.com คุณ นังนู๋วา


น้ำมันบอระเพ็ด ผสมใบบัวบก (แก้ผมหงอก/ผมร่วง)

นลินษิตา เอ้อละเหย เอิงเอย เอิงเอย ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 6 รูป

น้ำมันบอระเพ็ด ผสมใบบัวบก (แก้ผมหงอก/ผมร่วง)
ถึงแม้จะทำยาก ใช้เวลานาน แต่อยากบอกว่า มันคือเสน่ห์ของการทำสมุนไพรค่ะ แล้วท่านจะรู้ว่าสมุนไพรมีดีจริง ตั้งแต่ใช้ครั้งแรก ลองหามาใช้กันรึยังคะ

สูตร "น้ำมันแก้ผมหงอก-ผมร่วง" และนวดหน้าให้เนียนนุ่มขาวใส จาก บอระเพ็ด ใบบัวบก มะพร้าวขูด
สูตรเดิมจากหมอศุภ
สูตร 1
1. เถาบอระเพ็ดสดๆ 3 กิโลกรัม
2. มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม
3. น้ำ 1 ลิตร

สูตร 2
1. เถาบอระเพ็ดสดๆ 1.5 กิโลกรัม (กิโลครึ่ง)
2. ใบบัวบก 1.5 กิโลกรัม (กิโลครึ่ง)
3. มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม
4. น้ำ 1 ลิตร
(หากหาบอระเพ็ดยาก ปรับลดเป็น อย่างละ 1 กิโลกรัมได้)

วิธีทำ: หั่นบอระเพ็ดเป็นชิ้นเล็กๆ ปั่นหรือตำให้ละเอียด ใบบัวบกปั่นให้ละเอียด ใส่ส่วนผสมทั้งหมด มะพร้าวขูด น้ำ เทลงในผ้าขาวบาง นวดๆให้น้ำออกมาให้หมด นำน้ำที่ได้ไปเคี่ยวด้วยไฟกลางๆ จนกระทั่งน้ำระเหยออกไปเหลือแต่น้ำมันสีเขียวๆ เก็บใส่ขวดไว้ใช้

วิธีใช้: นำน้ำมันมาหมักผม 15-20 นาที สัปดาห์ละ 2 ครั้ง

สูตร 1 จะช่วยแก้ผมที่หงอกขาวแล้วให้กลับดำขึ้นได้ดีมากๆ เห็นผลภายในเวลา 4-5 เดือน

สูตร 2 นอกจากหมักผมแก้ผมหงอกผมร่วง ทำให้ผมหงอกขาวกลับดำ ผมร่วงขึ้นใหม่ดกและหนาขึ้น เห็นผลภายในเวลา 4-5 เดือน แล้วยังนำไปนวดหน้า ทำให้หน้าเนียนนุ่ม ขาวใสขึ้น


วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

บำรุงทั้ง ปอด ตับ ลำไส้ และถุงน้ำดี -หญ้าลิ้นงู

สมุนไพรดีดี ยาตำรับโบราณ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 3 รูป — กับ เนาวรัตน์ ติสนธิ

หญ้าลิ้นงู
สุดยอดหญ้าบำรุงทั้ง ปอด ตับ ลำไส้ และถุงน้ำดี และอีกเยอะ “ข้อบอก”
แก้โรคทางเดินหายใจ ทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดบวม คางทูม
แก้ระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อ โรคบิด ท้องผูก
แก้โรคทาง เดินปัสสาวะอักเสบ
ตับอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน ถุงน้ำดีอักเสบ
หญ้าลิ้นงู ชื่อวิทยาศาสตร์ Oldenlandia corymbosa L. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Hedyotis corymbosa Lamk.) จัดอยู่ในวงศ์ RUBIACEAE
สมุนไพรหญ้าลิ้นงู ยังมีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ อีกว่า จุ่ยจี้เช่า จั่วจิเช่า (จีนแต้จิ๋ว), สุ่ยเฉียบฉ่าว สุ่ยเซี่ยนเฉ่า เสอเสอเฉ่า (จีนกลาง) เป็นต้น

ลักษณะของหญ้าลิ้นงู
• ต้นหญ้าลิ้นงู จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกขนาดเล็กคลุมดิน มีอายุได้ประมาณ 1 ปี มีลำต้นเลื้อยยาวเป็นข้อๆ ประมาณ 6-10 นิ้ว มียอดสูงประมาณ 15-50 เซนติเมตร ลำต้นมีลักษณะเล็กยาว เรียบเกลี้ยงเป็นเหลี่ยม ระหว่างข้อมีร่องเล็กๆ ตามความยาวของลำต้น แตกกิ่งก้านสาขาออกมาก ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นพรรณไม้ที่ชอบขึ้นตามที่ชื่นแฉะ พบได้ในภูมิอากาศเขตร้อนถึงร้อนชื้นของประเทศในแถบแอฟริกา เอเชีย แคริบเบียน อเมริกา ออสเตรเลีย และแปซิฟิก

สรรพคุณและวิธีใช้
1. ทั้งต้นมีรสขม เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ต่อปอด ตับ และลำไส้ ใช้เป็นยาขับพิษร้อนถอนพิษไข้ (ทั้งต้น)[2]
2. ใช้เป็นยาแก้ไข้มาลาเรีย ด้วยการใช้ลำต้นสดประมาณ 15-30 กรัม นำมาต้มเอาแต่น้ำกิน (ต้น,ทั้งต้น)[1]
3. ใช้เป็นยาแก้ลำไส้อักเสบ มะเร็งในลำไส้ ด้วยการใช้ลำต้นสดประมาณ 15-30 กรัม นำมาต้มเอาแต่น้ำกิน (ต้น,ทั้งต้น)
4. ช่วยแก้ฝีในท้อง ด้วยการใช้หญ้าลิ้นงูประมาณ 20-40 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน (ทั้งต้น)
5. ช่วยรักษาบำบัดอาการหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อ โรคบิด ท้องผูก และยังช่วยในการย่อย และช่วยทำให้เจริญอาหารได้อีกด้วย (ทั้งต้น)
6. ใช้ฆ่าพยาธิ (ทั้งต้น)
7. ช่วยปกป้องตับ (ทั้งต้น)
8. ช่วยขจัดสารพิษ (ทั้งต้น)
9. ลำต้นสดนำมาต้มเอาน้ำใช้ชะล้างแผลฝีบวม แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก (ต้น,ทั้งต้น)
10. ใช้เป็นยารักษาฝีปวดบวม ด้วยการใช้หญ้าลิ้นงูสดนำมาตำให้ละเอียดแล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็นฝี (ทั้งต้น)
11. ในประเทศจีนจะใช้หญ้าริ้นงูเป็นยารักษาเนื้องอกบางชนิด (ทั้งต้น)
12. ชาวอินเดียจะใช้หญ้าลิ้นงูทั้งต้มนำมาต้มในนมกับน้ำตาลเพื่อใช้เป็นยาบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนที่หน้าอกอันเนื่องมาจากกรดไหลย้อน และยังใช้เพื่อรักษาโรคตับอักเสบด้วยการใช้ทั้งต้นนำมาต้มเอาน้ำกิน (ทั้งต้น)
13. ชาวฟิลิปปินส์จะใช้หญ้าลิ้นงูนำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยารักษาโรคกระเพาะ (ทั้งต้น)
14. ชาวอินโดนีเซียจะใช้หญ้าลิ้นงูนำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยารักษาไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน (ทั้งต้น)
15. เนื่องจากหญ้าลิ้นงูมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านจุลชีพและโปรโตซัว จึงมีการนำมาใช้เพื่อรักษาโรคที่มีอาการอักเสบและติดเชื้อ เช่น คางทูม ทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดบวม การติดเชื้อบริเวณอุ้งเชิงกราน
16. โรคทาง เดินปัสสาวะอักเสบ ตับอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน ถุงน้ำดีอักเสบ และใช้ฆ่าพยาธิ เป็นต้น (ทั้งต้น)

หมายเหตุ : วิธีการใช้สมุนไพรหญ้าลิ้นงูตาม หากไม่ได้ระบุไว้เป็นอย่างอื่น ให้ใช้หญ้าลิ้นงูแห้งประมาณ 15-30 กรัม นำมาต้มเอาน้ำดื่ม

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของหญ้าลิ้นงู
• สารที่พบ ได้แก่ Corymbosin, Flavone, Fatty acid, Sterol, Ursolic acid เป็นต้น
• สาร Ursolic acid ในหญ้าลิ้นงูมีคุณสมบัติในการปกป้องตับ โดยสามารถลดความเป็นพิษต่อตับของยาพาราเซตามอลที่นำมาทดสอบในหนูทดลองได้
• จากการศึกษาในหนูทดลองพบว่าสารสกัดจากหญ้าลิ้นงูมีคุณสมบัติในการปกป้องตับจากการถูกทำลายของสารเคมีต่างๆ ได้แก่ Carbon tetrachloride, D-Galatosamine, Perchloroethylene โดยคุณสมบัติดังกล่าวมีความใกล้เคียงกับยา Silymarin
• หญ้าลิ้นงูมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียได้ทั้งแกรมบวกและแกรมลบ และมีประสิทธิภาพในการกำจัดแบคทีเรียได้หลากหลายสายพันธุ์, ต้านยีสต์ (เช่น ยีสต์แคนดิดา), ต้านรา (เช่น ราแอสเปอร์จิลัส), ต้านโปรโตซัวที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคไข้มาลาเรีย (ภายหลังจึงได้มีการนำไปประยุกต์ใช้ในการรักษาไข้มาลาเรีย)
• จากการศึกษาในหลอดทดลองว่าสารสกัดจากหญ้าลิ้นงูมีคุณสมบัติต้านมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งเต้านม
• หญ้าลิ้นงูมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาการเกิดในกระเพาะอาหารในหนูทดลองที่ได้รับยาแอสไพริน โดยมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับยาแลนโซปราโซล (Lansoprazole)
• หญ้าลิ้นงูมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการปวดได้
• หญ้าลิ้นงูมีคุณสมบัติต้านการอักเสบในสัตว์ทดลองที่ถูกกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ


วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

นอน เกิดโรค

นอนก่อโรค:
ใช้หมอนสูงหนุนศีรษะถือว่า "นอนหักคอตัวเอง" หมอนสุขภาพไม่มีในโลก อย่าหลงเชื่อซื้อมาใช้ เหตุเมื่อเรานอนหลับร่างกายเราจะพลิกท่านอนไปทางไหนก็ได้ เราหลับเราไม่รู้ หมอนประเภทนี้จะล็อคคอไว้
ใช้ไปนานๆ จะทำให้กระดูกต้นคอเสียสมดุล หมอนที่ดีต้องไม่นิ่มเกินไป ไม่เช่นนั้นศีรษะจะฝังตัว หรือไม่แข็งเกินไป การนอนบนที่นอนนิ่มมากไปก็ไม่ดี ก้นจะพากระดูกยุบตัว
กระดูกจะเสียสมดุล แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำตัวสุดโต่งโดยหันไปนอนบนกระดานแข็งแทน อันนี้ถือว่าทำตัวตึงไป

ผู้ที่ชอบนอนตะแคงหากนอนไม่เป็นจะทำให้เกิดเจ็บป่วยได้ เช่น นอนตะแคงซ้าย ถ้าท่านเป็นผู้ที่เอวหนาร่างใหญ่ พบว่าเข่าด้านบนหรือเข่าด้านขวาแทงเป็นหัวลูกศรลงไป เป็นเหตุทำให้ดึงสะโพก ถ้านอนเช่นนี้นานๆ เป็นนิสัยจะส่งผลให้เจ็บที่ใต้ราวนม หายใจไม่ค่อยออกเพราะช่วงลำตัวบิดอันเนื่องจากน้ำหนักและขนาดลำตัวที่มากนั่นเอง

การนอนด้วยท่าใดติดต่อกันนานๆ
ทั้งคืนถือว่านอนก่อโรคเช่นกัน สังเกตไหมวันใดที่ท่านเพลียเหนื่อยมาก ท่านมักนอนด้วยท่าเดียวท่านั้นนานๆ ไปทั้งคืน แต่ถ้าร่างกายไม่เพลียก็มักเปลี่ยนท่านอนได้บ่อยหลายท่า ท่านอนที่ดีช่วยให้ร่างกายรับอากาศเต็มที่ ตื่นมาสดชื่น
การจะหายใจนำอากาศให้เข้าสู่ปอดเต็มทั้ง 5 พู (ปอดด้านซ้ายมี
3 พู ด้านขวามี 2 พู รวม 5 พู)
ปอดพูสุดท้ายของด้านซ้ายลึกลงไปสุด (พูที่ 3) น้อยมากที่เราหายใจลงไปถึงพูนี้ (ถ้าท่านไม่ค่อยออกกำลังกายหรือไม่เล่นกีฬา) นี่แหละที่
เขาเรียกกันว่า "หายใจไม่ทั่วปอด"
หรือ "หายใจไม่อิ่ม" เมื่อตื่นขึ่นมาก็จะไม่สดชื่น ง่วงนอนตอนสายๆ


กินกาแฟให้ปลอดภัย

ทุกวันที่ตื่นนอนตอนเช้าแต่กลับใช้ชีวิตให้ตายเร็ว :
แหกขี้ตาตื่นนอนตอนเช้าแต่ละวัน ชงกาแฟดื่มแทนอาหารเช้าทุกวัน
ดื่มกาแฟตอนเช้าไม่ดี เพราะจะทำให้ก้านสมองแห้ง ส่งผลให้การสื่อสารของกระแสประสาทสั่งงานผิดปกติ หัวใจทำงานหนัก ในกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดสูงยิ่งขึ้น นานวันอาจทำให้กระเพาะอาหารทะลุได้
แต่การดื่มกาแฟหลังอาหารเช้า/เที่ยง พอมีประโยชน์ ถือว่าเป็นการดื่มกาแฟถูกที่ถูกเวลา การดื่มกาแฟหลังอาหารเป็นการช่วยย่อยอาหารได้ทางหนึ่ง ฤทธิ์ของคาเฟอีนในกาแฟไปกระตุ้นหัวใจให้สูบฉีดโลหิตได้เพิ่มขึ้น ช่วยทำให้โลหิตไปเลี้ยงกระเพาะอาหารได้มากขึ้น จึงช่วยให้กระบวนการย่อยอาหารเป็นไปด้วยดียิ่งขึ้น


ขมิ้น กินอย่างไรปลอดภัย

ควรกินขมิ้นในรูปแบบอาหารที่เป็นของร้อน คนสมัยก่อนใช้ขมิ้นชันสมานลำไส้และกระเพาะอาหาร เขานำขมิ้นมาตากแดด เมื่อแห้งจึงนำมาบดเป็นผงนำไปใช้งาน แต่ปัจจุบันใช้วิธีอบด้วยเตาอบ/ตู้อบที่มีอุณหภูมิสูง ทำให้ยางในเปลือกขมิ้นกลายสภาพเป็นยางเหนียว สุดท้ายแห้งและถูกบดไปในที่สุด เมื่อนำมากินจะเป็นอันตรายต่อลำไส้เพราะยางเหนียวที่ว่านี้ไปเกาะที่ผนังลำไส้ นานไปทำให้ลำไส้อุดตัน และหากกินนานต่อเนื่องเป็นปีพบว่ามีอาการตัวเหลืองถึงขั้นตับวายเลยทีเดียว


นมข้น อันตราย

เชื่อหรือไม่ว่า นมข้นหวานมีขายที่เมืองไทยชาติเดียวในโลก แล้วก็แพร่กระจายไปยังประเทศข้างเคียง
ขอเรียนว่านมข้นหวานไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายเลยสักนิด แถมไม่ใช่อาหารที่ทำมาจากนมตามที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกัน
แต่ส่วนประกอบหลักคิอน้ำมันพืช
ผสมน้ำตาลทราย นมข้นหวานจึงอุดมไปด้วยน้ำตาลและไขมัน ซึ่งเป็นสารอาหารที่เกือบไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายเลย อีกทั้งเป็นต้นตอของโรคภัยอื่นตามมาอีกมาก



วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ก๋วยจั๊บน้ำข้น สูตรอร่อยเด็ด

ประสาน ศรีนวลนัด กับ การทำอาหาร และยาสมุนไพร เพื่อสุขภาพที่ดี

..................ก๋วยจั๊บน้ำข้น สูตรอร่อยเด็ด

( เพื่อการค้า หรือเป็นอาชีพเสริม)

"ก๋วยจั๊บน้ำข้น" อีกเมนูอาหารจานเดียวที่อร่อยเด็ดและได้คุณค่าทาง

อาหารอย่างครบถ้วนในจานเดียว เอกลักษณ์ของก๊วยจั๊บน้ำข้นนั้นอยู่ที่

เครื่องมีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นหมูกรอบ ไส้หมู ตับหมู ปอดหมู เต้าหู้

ทอด ไข่ต้ม ปอด และหนังหมู และก๋วยจั๊บก็เป็นเช่นเดียวกับก๋วยเตี๋ยว

สามารถปรุงรสได้ตามใจชอบ ด้วยน้ำซุปที่เข้มข้นปรุงรสอีกนิดหน่อยหรือ

แทบไม่ต้องปรุงเลย จึงทำให้ถูกปากถูกใจได้ไม่ยาก ที่มีสูตรก๋วยจั๊บน้ำข้น

ดังนี้...

.................................เครื่องปรุง

เส้นก๋วยจั๊บ 1 กิโลกรัม

ตับหมู ½ กิโลกรัม

ไส้ใหญ่หมู ½ กิโลกรัม

ปอดหมู 2 พวง

หนังหมู ½ กิโลกรัม

เลือดหมู 3 ก้อน

เต้าหู้ทอด 2 พวง

หมูกรอบชิ้นยาว 2 ชิ้น

พริกไทยขาวเป็นเม็ด 30 เม็ด

แป้งข้าวเจ้า 10 ช้อนโต๊ะ

ไข่ต้ม 20 ฟอง

ต้นหอมผักชี

กระเทียมบุบ 6 หัว

น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ

เกลือป่น ½ ช้อนโต๊ะ

ซ๊อิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ

ซิ๊วดำ ½ ช้อนโต๊ะ

.........................................วิธีทำ

1. ก่อนอื่นให้เตรียมเส้นก๋วยจั๊บก่อน โดยการนำเส้นก๊วยจั๊บมาต้มกับน้ำซุป

จนกระทั่งเส้นนิ่มได้ที่แล้วให้นำแป้งข้าวเจ้ามาละลายกับน้ำใส่ลงเคี่ยวใน

หม้อให้ข้นแต่อย่าให้เหนียว ปิดไฟพักไว้

2. จากนั้นหันมาทำน้ำพะโล้ด้วยการต้มน้ำ ใส่กระดูกหมูลงไปเคี่ยวสักครู่

พอให้หวานน้ำต้มกระดูกหมู จากนั้นให้ใส่โป๊ยกั๊ก รากผักชี อบเชย พริก

ไทยเม็ด กระเทียมบุบพอแหลก เกลือ น้ำตาลปี๊บ ซีอิ๊วขาว และซีอิ๊วดำ

ตามด้วยเครื่องในหมู ได้แก่ ตับหมู ปอดหมู หนังหมู และไข่ต้มลงไป เคี่ยว

ต่อไปด้วยไฟอ่อน รอจนตับหมูเริ่มสุกให้ตักขึ้นมาก่อน เนื่องจากตับจะเป็น

ส่วนที่สุกเร็วที่สุด นอกนั้นให้เคี่ยวต่อไปจนเปื่อยแล้วจึงค่อยตักขึ้นมาใส่ใน

ภาชนะเตรียมขาย หรือจะนำใส่ในตะแกรงโลหะแขวนไว้บนหม้อต้มให้ได้

รับความร้อนตลอดเวลาก็ได้เพียงเท่านี้ก็ได้ก๋วยจั๊บรสเด็ดแล้ว.....


วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ขนมไข่นกกระทา-วิธีทำ

ประสาน ศรีนวลนัด กับ การทำอาหาร และยาสมุนไพร เพื่อสุขภาพที่ดี

ขนมไข่นกกระทา (เพื่อการค้าเป็นอาชีพเสริม) ( ขอขอบคุณท่านเจ้าของสูตร)

ส่วนผสม

มันเทศนึ่งบดละเอียด 500 กรัม

แป้งมัน 200 กรัม

แป้งสาลี 30 กรัม

น้ำตาลทราย 120 กรัม

ผงฟู 1 ช้อนชา

เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

กะทิ 1/3 ถ้วย

น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำ

1.ปอกเปลือกมัน ล้างทำความสะอาด และนำไปนึ่งให้สุก (เราหั่นเป็นชิ้นเพื่อให้สุกเร็ว)

2.นำไปบดให้ละเอียดเตรียมไว้ เราบดหยาบ เพราะต้องการเคี้ยวเจอเนื้อมันด้วย
(เนื้อมันจะแห้งซุย ไม่แฉะเหมือนมันเทศสีส้ม)

3.แป้งมัน แป้งสาลี น้ำตาล เกลือ และผงฟูผสมรวมกันในอ่างผสม ใส่มันบด และกะทิผสมให้เข้ากัน

(ถ้าใช้มันเทศสีส้ม อาจไม่ต้องใส่กะทิ อย่างที่บอกไปตอนต้นว่ามันสีส้มจะแฉะ ถ้าใส่กระทิลงไปอีก จะทำให้เหลวเกินไปปั้นไม่ได้)

4.นวดผสมให้เข้ากันจนเนียนดี

5.ปั้นเป็นก้อนกลมขนาดตามต้องการ เพื่อความเร็วเราคลึงเป็นเส้นแล้วตัดเป็นชิ้นก่อนปั้น

6.ตั้งน้ำมันให้ร้อนไฟปานกลาง ใส่มันที่ปั้นไว้ลงทอดจนสุกเหลือง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน

7.ทานตอนทอดเสร็จใหม่ ๆ กรอบนอกนุ่มใน

ถูกใจ



ขนมไข่นกกระทา-วิธีทำ

ประสาน ศรีนวลนัด กับ การทำอาหาร และยาสมุนไพร เพื่อสุขภาพที่ดี

ขนมไข่นกกระทา (เพื่อการค้าเป็นอาชีพเสริม) ( ขอขอบคุณท่านเจ้าของสูตร)

ส่วนผสม

มันเทศนึ่งบดละเอียด 500 กรัม

แป้งมัน 200 กรัม

แป้งสาลี 30 กรัม

น้ำตาลทราย 120 กรัม

ผงฟู 1 ช้อนชา

เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

กะทิ 1/3 ถ้วย

น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำ

1.ปอกเปลือกมัน ล้างทำความสะอาด และนำไปนึ่งให้สุก (เราหั่นเป็นชิ้นเพื่อให้สุกเร็ว)

2.นำไปบดให้ละเอียดเตรียมไว้ เราบดหยาบ เพราะต้องการเคี้ยวเจอเนื้อมันด้วย
(เนื้อมันจะแห้งซุย ไม่แฉะเหมือนมันเทศสีส้ม)

3.แป้งมัน แป้งสาลี น้ำตาล เกลือ และผงฟูผสมรวมกันในอ่างผสม ใส่มันบด และกะทิผสมให้เข้ากัน

(ถ้าใช้มันเทศสีส้ม อาจไม่ต้องใส่กะทิ อย่างที่บอกไปตอนต้นว่ามันสีส้มจะแฉะ ถ้าใส่กระทิลงไปอีก จะทำให้เหลวเกินไปปั้นไม่ได้)

4.นวดผสมให้เข้ากันจนเนียนดี

5.ปั้นเป็นก้อนกลมขนาดตามต้องการ เพื่อความเร็วเราคลึงเป็นเส้นแล้วตัดเป็นชิ้นก่อนปั้น

6.ตั้งน้ำมันให้ร้อนไฟปานกลาง ใส่มันที่ปั้นไว้ลงทอดจนสุกเหลือง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน

7.ทานตอนทอดเสร็จใหม่ ๆ กรอบนอกนุ่มใน

ถูกใจ



ขนมไข่นกกระทา-วิธีทำ

ประสาน ศรีนวลนัด กับ การทำอาหาร และยาสมุนไพร เพื่อสุขภาพที่ดี

ขนมไข่นกกระทา (เพื่อการค้าเป็นอาชีพเสริม) ( ขอขอบคุณท่านเจ้าของสูตร)

ส่วนผสม

มันเทศนึ่งบดละเอียด 500 กรัม

แป้งมัน 200 กรัม

แป้งสาลี 30 กรัม

น้ำตาลทราย 120 กรัม

ผงฟู 1 ช้อนชา

เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

กะทิ 1/3 ถ้วย

น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำ

1.ปอกเปลือกมัน ล้างทำความสะอาด และนำไปนึ่งให้สุก (เราหั่นเป็นชิ้นเพื่อให้สุกเร็ว)

2.นำไปบดให้ละเอียดเตรียมไว้ เราบดหยาบ เพราะต้องการเคี้ยวเจอเนื้อมันด้วย
(เนื้อมันจะแห้งซุย ไม่แฉะเหมือนมันเทศสีส้ม)

3.แป้งมัน แป้งสาลี น้ำตาล เกลือ และผงฟูผสมรวมกันในอ่างผสม ใส่มันบด และกะทิผสมให้เข้ากัน

(ถ้าใช้มันเทศสีส้ม อาจไม่ต้องใส่กะทิ อย่างที่บอกไปตอนต้นว่ามันสีส้มจะแฉะ ถ้าใส่กระทิลงไปอีก จะทำให้เหลวเกินไปปั้นไม่ได้)

4.นวดผสมให้เข้ากันจนเนียนดี

5.ปั้นเป็นก้อนกลมขนาดตามต้องการ เพื่อความเร็วเราคลึงเป็นเส้นแล้วตัดเป็นชิ้นก่อนปั้น

6.ตั้งน้ำมันให้ร้อนไฟปานกลาง ใส่มันที่ปั้นไว้ลงทอดจนสุกเหลือง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน

7.ทานตอนทอดเสร็จใหม่ ๆ กรอบนอกนุ่มใน

ถูกใจ



ขนมไข่นกกระทา-วิธีทำ

ประสาน ศรีนวลนัด กับ การทำอาหาร และยาสมุนไพร เพื่อสุขภาพที่ดี

ขนมไข่นกกระทา (เพื่อการค้าเป็นอาชีพเสริม) ( ขอขอบคุณท่านเจ้าของสูตร)

ส่วนผสม

มันเทศนึ่งบดละเอียด 500 กรัม

แป้งมัน 200 กรัม

แป้งสาลี 30 กรัม

น้ำตาลทราย 120 กรัม

ผงฟู 1 ช้อนชา

เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

กะทิ 1/3 ถ้วย

น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำ

1.ปอกเปลือกมัน ล้างทำความสะอาด และนำไปนึ่งให้สุก (เราหั่นเป็นชิ้นเพื่อให้สุกเร็ว)

2.นำไปบดให้ละเอียดเตรียมไว้ เราบดหยาบ เพราะต้องการเคี้ยวเจอเนื้อมันด้วย
(เนื้อมันจะแห้งซุย ไม่แฉะเหมือนมันเทศสีส้ม)

3.แป้งมัน แป้งสาลี น้ำตาล เกลือ และผงฟูผสมรวมกันในอ่างผสม ใส่มันบด และกะทิผสมให้เข้ากัน

(ถ้าใช้มันเทศสีส้ม อาจไม่ต้องใส่กะทิ อย่างที่บอกไปตอนต้นว่ามันสีส้มจะแฉะ ถ้าใส่กระทิลงไปอีก จะทำให้เหลวเกินไปปั้นไม่ได้)

4.นวดผสมให้เข้ากันจนเนียนดี

5.ปั้นเป็นก้อนกลมขนาดตามต้องการ เพื่อความเร็วเราคลึงเป็นเส้นแล้วตัดเป็นชิ้นก่อนปั้น

6.ตั้งน้ำมันให้ร้อนไฟปานกลาง ใส่มันที่ปั้นไว้ลงทอดจนสุกเหลือง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน

7.ทานตอนทอดเสร็จใหม่ ๆ กรอบนอกนุ่มใน

ถูกใจ



วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ไอศครีมสูตรโบราณแบบโฮมเมด ทำง่ายที่บ้าน

ไอศครีมสูตรโบราณแบบโฮมเมด ทำง่ายที่บ้าน แค่มีเครื่องปั่นน้ำผลไม้

ส่วนผสม

1. กะทิกล่อง หรือกะทิกระป๋องสูตรเข้มข้น ขนาด 560 มิลลิลิตร
2. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย(200 ml)
3. เกลือ ¾ ช้อนชา
4. ไข่ไก่ดิบเฉพาะไข่ขาว 1 ฟอง
5. เนื้อมะพร้าวอ่อนขูดเป็นเส้น (มีหรือไม่มีก็ได้)

วิธีทำ

1. เทกะทิทั้งหมด ผสมกับน้ำเปล่า 2 ถ้วย(400 ml) หรือถ้ามีน้ำมะพร้าว ก็ให้ใช้น้ำมะพร้าว กับน้ำเปล่าอย่างละ 1 ถ้วย เพื่อเพิ่มความหอมหวานของกะทิมากขึ้น
2. นำกะทิไปตั้งไฟ แล้วค่อย ๆ เทน้ำตาลทรายและเกลือผสมลงไป จากนั้นคนให้เข้ากันจนกะทิเดือด
3. นำกะทิมาพักให้เย็น จากนั้นเทใส่ภาชนะที่เหมาะกับการแช่เย็น

4. นำภาชนะดังกล่าวไปแช่ในช่องแข็ง จนกะทิเริ่มแข็งตัว
5. ในการแช่กะทิ ให้สังเกตุว่ากะทิเริ่มเป็นเกล็ดหรือยัง หากเริ่มเย็นจนเป็นเกล็ดแล้ว สามารถนำออกจากตู้เย็น โดยไม่ต้องรอให้กลายเป็นน้ำแข็ง ซึ่งขั้นตอนนี้อาจใช้เวลานานพอสมควร
6.นำกะทิดังกล่าวมาปั่น หากไม่มีเครื่องปั่นสำหรับทำไอศกรีม สามารถใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้ธรรมดาแทนได้


ปั่นครั้งที่ 1

นำกะทิใส่เครื่องปั่น และปั่นจนกว่าเนื้อไอศครีมจะละเอียด จากนั้นนำไปแช่ในช่องแข็งอีกรอบ

ปั่นครั้งที่ 2

เมื่อเนื้อไอครีมที่ปั่นรอบแรกเริ่มเป็นน้ำแข็ง ก็ให้นำออกมาปั่นใหม่อีกครั้ง โดยคราวนี้ให้ใส่ไข่ขาวลงไป 1 ฟอง เมื่อเครื่องปั่นตีกะทิกับไข่ขาวจนเข้ากันแล้ว จะเห็นว่าเนื้อไอศครีมขาว และฟูขึ้น จากนั้นจึงนำไปแช่ในช่องแข็งอีกรอบ


ปั่นครั้งที่ 3

นำไอศกรีมที่แช่จนเป็นเกร็ดแล้วมาปั่นอีกรอบ เพื่อให้เนื้อไอศกรีมเนียนฟูมากยิ่งขึ้น หากใครชอบทานไอศกรีมกะทิ แบบมีเนื้อมะพร้าวด้วย ให้นำเนื้อมะพร้าวอ่อนที่เราขูดไว้ มาผสมกับไอศกรีมกะทิที่ปั่นในรอบที่สาม แต่ในครั้งนี้ควรปั่นเพียงเล็กน้อยพอให้เนื้อมะพร้าวเข้ากัน หรือจะปั่นรอบที่สามให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อมะพร้าวแล้วปั่นอีกนิดก็ได้


เพียงแค่นี้ เราก็จะได้ไอศกรีมกะทิแสนอร่อย เอาไว้ทานเพื่อคลายร้อนกันแล้ว เคล็ดลับความอร่อยของไอศกรีมกะทิจะอยู่ที่การปั่นเนื้อไอศกรีมให้ละเอียด ยิ่งปั่นหลายรอบ เนื้อไอศกรีมก็จะยิ่งเนียนฟูมากขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก คุณ narellan


วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

ข้าวหน้าไก่เทริยากิ-วิธีทำ

ส่วนผสม
ข้าวหน้าไก่เทริยากิ
- ข้าวญี่ปุ่น 1 ถ้วย
- เนื้ออกไก่  1 ชิ้น
- ซอสเทริยากิ  2 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ไก่ 1 ฟอก
- น้ำมันพืช  1/2 ช้อนโต๊ะ
- งาขาว+งาดำ  1 ช้อนชา
- น้ำตาลปี๊บ  1 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ ข้าวหน้าไก่เทริยากิ1. หมักเนื้อไก่กับซอสเทริยากิ  น้ำตาลปี๊บ  งาขาวและงาดำ ทิ้งไว้ 30 นาที

2. นำไก่ที่หมักเรียบร้อยแล้วลงย่างในกระทะที่ทาน้ำมันพืชเตรียมไว้

3. จากนั้นราดด้วยซอสเทริยากิ แล้วโรยด้วยงา

4. จัดวางใส่จาน คู่กับสลัดผัก และไข่ดาว


วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

กว๋ยเตี๋ยวเรือ



จิตรสว่าง คำมหา ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 4 รูป

ก๋วยเตี๋ยวเรือ

ส่วนผสม และวิธีปรุงน้ำซุป
ใช้หม้อก๋วยเตี๋ยว เบอร์ 16 (ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 16 นิ้ว)

น้ำสะอาด 14 ลิตร
ซีอิ๊วดำ (ตราเด็กสมบูรณ์ สูตร 5) 1/2 กระบวย
เกลือป่น (ใช้ได้ทั้งเกลือปรุงทิพย์และเกลือป่นทั่วไป) 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงง่วนเชียงฝาสีน้ำตาล 2 กระบวย
ซีอิ๊วขาว (ตราเด็กสมบูรณ์ สูตร 5) 1 กระบวย
เต้าหู้ยี้ ก้อนใหญ่ 1 1/2 ก้อน
(ก้อนเล็ก ใช้ 3 ก้อน)
ผงชูรส จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ 2 ช้อนโต๊ะ
รสดี รสหมู/รสเนื้อ 1/2 ซอง (หรือจะใช้คนอร์ก้อนก็ได้ 2 ก้อน)
น้ำกระเทียมดอง 2 กระบวย
น้ำตาลโอทึ้ง (น้ำตาลอ้อย) 1 กระบวย
เต้าเจี้ยว (ตราเด็กสมบูรณ์ สูตร 2) 1/2 กระบวย
กระดูกหมู-เนื้อ (เอียเล้ง) 1/2 กิโลกรัม
ใบเตย 1 กำ
รากผักชี 1 กำ
กระเทียมสดตำ 2 ช้อนโต๊ะ
เม็ดผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
อบเชย 1/2 ขีด ประมาณ 2-3 ก้าน
ดอกโป๊ยกั้ก 1 ช้อนโต๊ะ ประมาณ 8 ดอก
กะทิสด 1 กิโลกรัม (แบ่งเป็น หัวกะทิ 1/2 กิโลกรัม หาง 1/2 กิโลกรัม)
ข่าแก่ทุบ
เหล้าจีน 1/2 กระบวย
ผงก๋วยเตี๋ยวเรือ 5 ช้อนโต๊ะ
เลือดหมูสด หรือเลือดวัว 4 กระบวย
น้ำตาลกรวด 1 ขีด
พริกหอม ยี่ห้อไร่ทิพย์ 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วหวาน (ใช้สำหรับเมนูก๋วยเตี๋ยวแห้ง)
ผ้าขาวบาง สำหรับไว้ห่อเครื่องเทศ

วิธีทำ
1. ต้มน้ำให้เดือด
2. นำซีอิ๊วดำ เกลือป่น ซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว เต้าหู้ยี้ ผงชูรส ผงรสดี น้ำกระเทียมดอง น้ำตาลโอทึ้ง เต้าเจี้ยว น้ำตาลกรวด มาปั่น หรือคนให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน เทลงใส่หม้อน้ำเดือด ช่วงนี้เร่งไฟให้แรง
3. นำหัวกะทิ และหางกะทิ อย่างละ 1/2 กิโลกรัม เทใส่ลงไป รอให้เดือดพล่าน ใส่เลือดสด 4 กระบวย
4. นำกระเทียม เม็ดผักชี พริกหอม ดอกโป๊ยกั้ก อบเชย ตำหยาบๆ ห่อด้วยผ้าขาวบางมัดด้วยตอกให้แน่น
5. ใส่เครื่องเทศที่ห่อด้วยผ้าขาวบาง ขาแก่ ใบเตย ลงไปต้ม ช่วงนี้หรี่ไฟให้อ่อนลง

เนื้อหมู/เนื้อวัว ที่ใช้เฉลี่ยปริมาณ 200 ชาม
เนื้อหมูหั่นบาง เลือกบริเวณสันคอ หรือคั่วตับ 1 กิโลกรัม
ตับหมูหั่นบาง 1/2 กิโลกรัม
ลูกชิ้นหมู (แนะนำยี่ห้อ PA) 1 1/2 กิโลกรัม
หมูตุ๋นใช้พวงตับ 1/2 กิโลกรัม
เลือดสด 1 ขวดลิตร

สูตรหมักเนื้อหมู/เนื้อวัว (ในปริมาณ 1 กิโลกรัม)
1. ใส่ซอสง่วนเชียง ฝาสีน้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
3. รสดี + ผงชูรส 1 ช้อนชา
4. ไก่ไข่ เบอร์ 0 1 ฟอง

วิธีทำพริกน้ำส้ม

พริกสด 1/2 กิโลกรัม กระเทียมสด 1 กำมือ คั่วไฟอ่อนจนพริกสุก นำไปบดผสมน้ำส้ม 3 ขวดลิตร น้ำกระเทียมดอง 2 กระบวย เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ สูตรนี้สามารถเก็บไว้ใช้นาน 1 สัปดาห์

เคล็ดลับ

1. กะทิ สามารถใช้กะทิสด หรือกะทิกล่องได้ เลือกขนาด 250 มิลลิลิตร
2. อบเชย ดอกโป๊ยกั้ก เม็ดผักชี พริกหอม เหล่านี้ควรนำไปคั่ว หรืออบ เพื่อช่วยให้น้ำซุปมีกลิ่นหอม
3. ช่วงที่กะทิเดือด เพื่อไม่ให้น้ำซุปจับกันเป็นก้อน นำตะกร้อลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวลงไปเขย่าๆ
4. ผักที่ใช้รับประทานกับก๋วยเตี๋ยวเรือ ผักบุ้ง ถั่วงอก ใบโหระพา ผักชีฝรั่ง
5. เลือดหมู ลักษณะสีจะคล้ำๆ ส่วนเลือดวัว สีจะแดงสด
6. เส้นก๋วยเตี๋ยวที่นิยม เส้นเล็ก เส้นหมี่ เส้นใหญ่ บะหมี่ วุ้นเส้น
7. เมนูแห้ง ใส่ถั่วลิสงป่น และซีอิ๊วดำ ลงไปคลุก

อุปกรณ์ที่จำเป็น

ตู้กระจก ราคาประมาณ 1,000-1,500 บาท
โต๊ะวางตู้กระจก ราคาประมาณ 500 บาท
หม้อก๋วยเตี๋ยว ราคาประมาณ 1,300 บาท
เตา และถังแก๊ส ราคาประมาณ 2,000 บาท
ตะกร้าใส่เส้น เริ่มต้น ใบละ 10 บาท
กะละมังใส่ผัก เริ่มต้น ใบละ 10 บาท
ชาม หรือโหล ใส่เนื้อวัว-เนื้อหมู 2 ใบ เริ่มต้น ใบละ 50 บาท
ชาม หรือโหล ใส่เครื่องปรุง เริ่มต้น ชุดละ 100 บาท
กระบวยตักน้ำซุป สเตนเลส เบอร์ 2 อันละ 60-120 บาท
ที่ลวกทองเหลือง 2 อัน อันละ 150-300 บาท
ถ้วยก๋วยเตี๋ยว ถ้วยซุปเปอร์แวร์ ใบละ 30 บาท ถ้วยตราไก่ ประมาณใบละ 10 บาท ช้อน ตะเกียบ ตะหลิว กระทะ กล่องตะเกียบ พวงเครื่องปรุง ฝาชี เขียง มีด หั่นเนื้อ-หมู ประมาณ 1,000 บาท ถุงใส่ก๋วยเตี๋ยวใช้ถุงร้อนขนาด 6 x 9 นิ้ว ถุงน้ำจิ้ม 3 x 5 นิ้ว ถุงหิ้ว 6 x 14 นิ้ว
เงินลงทุนทั้งหมด ประมาณ 10,000-13,000 บาท ไม่รวมโต๊ะ เก้าอี้ ค่าสถานที่ เงินทุนหมุนเวียน วัตถุดิบหมุนเวียน ซึ่งเบ็ดเสร็จทั้งหมดจะประมาณ 100,000 บาท

** หมายเหตุ กระบวยสามารถเปลี่ยนจากสเตนเลส เป็นอะลูมิเนียมได้ แต่หม้อ ควรทำจากสเตนเลสชนิดปลอดสารตะกั่ว พวกภาชนะใส่ผัก และเนื้อสัตว์ สามารถเลือกภาชนะใส่ได้ตามต้องการ

ถูกใจถูกใจ ·  · แชร์


วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557

(รับจ้างทำบล็อก)รับทำบล็อกส่วนตัวไว้ขายของ

ยอดคนเข้า  5 แสน กว่า นี่ไม่ใช่เล่นๆ ทำเงินเป็นล้านต่อปี อย่างที่เห็น นั่นละ


สนใจ แอดไลน์   0918712395 (เบอร์นี้ไม่ค่อยได้รับ)
0809898770 ลูกสาว เบอนี้รับตลอด

ราคา 3500 บาท พร้อมเป็นที่ปรึกษา ให้พักนึง



ตัวอย่างที่ลุงทำ แล้วติดหน้าแรก ทำให้มีนักเรียนมาเเียนกันมากมายครับ

เรียนปวส วันอาทิตย์

กับบล็อกของลุงอีกนับสิบที่ติดหน้าแรกทั้งหมด
ที่ทำให้ลุงมีเงินล้านจากการขายของ ในอินเตอร์เน็ต

การอาสัยเวปคนอื่นเราไม่สามารถจัดการทุกอย่างได้ตามใจ
ติดขัดข้อระเบียบมากมาย แล้วค้นหาไม่เจอสินค้าที่เราขายอีก

มันเลยไม่รุ่งสักที


  • ทำเวปก็ค่าใช้จ่ายไม่จบสิ้น
  • ทำบล็อกดีกว่า ไม่มีค่าใช่จ่ายตามมาทีหลัง
  • นอกจากค่าจ้างลุง555


ใครบอกแพงก็ผ่านๆ แต่ลุงก็ว่า มันพอสมกับค่าวิชา   แต่ก็อยู่ที่ท่านด้วยนิ

อยากค้าขาย รุ่งเรืองมีเงินล้าน จ้างลุงนี่ 3500 บาท 

สังเกตุใหมบล็อกแต่ละตัวของลุง แบบบ้านๆ เดิมๆ ไม่ใส่อะไรมากมายให้มันโหลดช้า

เรียบง่าย ได้สาระ อย่าใส่อะไรที่มันเป็นน้ำเน้นๆ ทำเงินมานับล้าน กับบล็อก บ้านๆแบบนี้ละ
ใครสนใจก็ ส่งสัญญาณ จุดธูป หรือใจร้อนอยากรวยเร็ว โทรมา ตามด้านบนนั่นเลย 



วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557

ชาวพุทธควรปฏิบัติ

"โยมไม่ต้องมาบริจาคเงินให้วัด..โยมเอาเงินไปดูแลพ่อแม่ได้บุญมากกว่าเอามาให้วัด...
โยมอย่าเอาไฟฟ้าเข้าวัด เพราะจะทำให้พระต้องมีค่าใช้จ่าย พระไม่มีรายได้อยู่โดยไม่มีไฟฟ้าดีกว่า
โยมมาที่วัดขออย่าอึกทึกเสียงดัง. มาอยู่วัดให้ทำสมาธิฝึกจิต ได้บุญกว่ามานั่งกราบพระน่ะ"


วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ไก่ทอดหาดใหญ่ โดยคุณจิตรสว่าง คำมหา




"ไก่ทอดหาดใหญ่" ส่วนผสมของไก่ทอดหาดใหญ่
- ไก่ 1 กิโลกรัม
- กระเทียมไทยกรีบเล็ก 40 กลีบ
- พริกไทยเม็ด 30-40 เม็ด
- ลูกผักชีป่น 2 ช้อนชา
- ยี่หร่าป่น 1/2 ช้อนชา
- ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทรายแดง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
- แป้งสาลีหรือแป้งข้าวเจ้า 4-5 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช สำหรับทอด วิธีทำ ไก่ทอดหาดใหญ่
1.ล้างไก่ให้สะอาด พักในตระแกรงให้สะเด็ดน้ำ
2.โขลก กระเทียม พริกไทย ลูกผักชี และยี่หร่า เข้าด้วยกันให้ละเอียด จากนั้นนำไปผสมกับซอสปรุงรส เกลือป่น และน้ำตาลทรายแดง คลุกส่วนผสม ทั้งหมดให้เข้ากัน แล้วจึงนำไปหมักกับไก่อย่างน้อย 3 ชั่วโมง
3.เมื่อหมักไก่ตามเวลาที่กำหนดจนได้ที่แล้ว จึงใส่แป้งสาลีลงไปในไก่ที่เราหมักเอาไว้ จากนั้นคลุกให้ส่วนผสมเข้ากันดี
4.นำไก่ทอดในน้ำมันพืช จนสุกเป็นสีน้ำตาลทอง ตักขึ้น พักในตะแกรงจนสะเด็ดน้ำมัน รับประทานคู่กับหอมเจียว น้ำจิ้ม และข้าวเหนียวร้อนๆ

หมายเหตุ
- สามารถใช้น้ำตาลทราบธรรมดาแทนน้ำตาลทรายแดงได้
- กระเทียมกลีบเล็ก จะให้รสชาติที่อร่อยกว่ากระเทียมกลีบใหญ่ แต่หากหาไม่ได้ก็ใช้กระเทียมกลีบใหญ่แทนได้
- ส่วนผสมแป้งจะใส่หรือไม่ก็ได้ ถ้าหากจะใส่ ให้ไส่เป็นอันดับสุกท้าย คือใส่ก่อนที่จะนำไปทอด ห้ามใส่ลงไปหมักกับไก่ตั้งแต่แรกพร้อมกับส่วนผสมอื่นๆ โดยเด็ดขาด เพราะถ้าใส่แป้งลงไปตั้งแต่แรก แป้งจะดูดรสชาติของน้ำหมักไปหมด ทำให้ไก้จืดไม่มีรสชาติ

น้ำจิ้มไก่ทอดหาดใหญ่สูตรพริกสด
- พริกชี้ฟ้าสีแดงโขลกละเอียด 10 กรัม
- กระเทียมสับละเอียด 30 - 40 กรัม
- รากผักชี 4 กรัม
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 120 กรัม
- น้ำส้มสายชู 50 มิลลิลิตร

วิธีทำน้ำจิ้มสูตรพริกสดของไก่ทอดหาดใหญ่
1. โขลกพริกชี้ฟ้าและรากผักชีให้ละเอียด
2. ผสมน้ำตาลเกลือป่น และน้ำส้มสายชูเข้าด้วยกัน นำไปตั้งไฟ คนให้น้ำตาลทรายและเกลือป่นละลาย
3. ผสมกระเทียมสับ พริกชี้ฟ้า และรากผักชี ที่โขลกละเอียด ลงไปในส่วนผสมน้ำจิ้ม ที่ตั้งไฟไว้
4. ตั้งไฟต่อจนน้ำจิ้มเดือดอีกครั้ง ใช้รับประทานคู่กับไก่ทอดหาดใหญ่

เครดิส



วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

คุณเคยคิดอะไร เล่นๆไหม?

ในแต่ละวัน คนเราไม่เคยหยุดคิด ไม่เคยหยุดฝัน แต่จะมีสักกี่ฝัน ที่เราลงมือ ทำให้เป็นจริง^_^

จะมีสักกี่คน ที่แต่ละวัน  บักทึกความฝันของเราใว้ในสมุดเล่มหนาๆ^_^

จะมีกี่คน ที่ กลับไปอ่านบันทึกฝัน ของตัวเอง เมื่อเวลาผ่านไปนานหลายปี

########################################

เล่าความฝันในวันเก่า

ผมรักดนตรี......ถึงขั้นบ้า เขียนเพลงแต่งเพลงตั้งแต่ ปวช

 ปวช เทคนิกกำแพงเพชร  ผมกับเพื่อน ตั้งวงเล่นดนตรี ในนาน ฟอเทน สปริง ประมานสี่เดือนซ้อมอย่างบ้าคลั่ง ถึงเกือบเช้าทุกวัน  รับงานทุก เสา อาทิตย์  ได้แชมป์จังหวัดกำแพงเพชรจัดที่วิทยาลัยครู ชนะวงเก่าๆทุกสถาบัน

ไปเรียนเทคนิคภาคพาพัยเชียงใหม่
ยังบ้าดนตรีต่อ  อันนี้ตามวงเหล้า แต่เขียนเพลงไม่หยุด เขียดๆเขียนๆ กวี คำคม คำขวัญ ก็ยังได้ราลวัลต่อต้านยาเสพติด

ออกมาทุกวันนี้ กลายเป็นคนทำเพลง แต่งเพลง คนนึง ที่พอจะมีคนรู้จักบ้าง เพราะไม่เคยเอางานของตัวเอง ไปขายที่อื่นเท่านั้น
=============================
ชอบเล่นคอม

เล่นไปเล่นมา  เล่นจนเป็นช่างคอม ก็พอจะมีคนรู้จักหน้าตา พอจะหาเงินได้บ้าง 55555 ไม่โม้ยาวละในฐานที่เข้าใจ

=================

รักการทำเกษตร

ในวันที่อยู่ปทุม ค ดมาตลอดว่า อาจกลับมาทำสวน เลี้ยงสัตว์

วันนี้ได้กลับมาทำตามฝัน  อาจคิดค้นการทำด้วยเทคโนโล่ยีใหม่ๆ  คิดถึงการเพาะเนื่อเยื่อมาตลอด ทั้งที่ความรู้เรื่องนี้ น้อยกว่าควายมาก  แต่ดันทุรัง ทุลักทุเล  ก็ทดลองจนวันนี้คิดว่าทำได้ มีครูใจดีคอยนำทาง

ยังอยากทำการเกษตร แบบอิสราเอล  ก็เดินตามนั้น  แต่ทุนน้อย เลยต้องหยุดไว้ก่อน เอาทีละอย่าง

ที่พูกมานี่.........ผมฝัน แล้วผมเดินตามฝันทุกอย่าง คัดเลือกความฝันของเรา ที่มากมายก่ายกอง เอาที่พอทำได้ หยิบความฝันของเรามาทำให้เป็นจริงที่ละอย่าง

แล้วคุณละ.... วันนี้คุณหยิบความฝันของคุน มาทำหรือยัง

^_^