วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

จะทำไห้คนอื่นรวยไปถึงไหน

 ทุกอย่าง เพราะผมศรัทธา ในการทำดี


วันนี้ว่างจัด ไม่มีอะไรทำ ก็มาบันทึกความทรงจำเอาไว้ ว่าในชีวิตของเราทำอะไรมาบ้าง

วันที่ 5 กรกฎาคม 2555

เกิดเป็นคนก็ต้องมี ที่มาทีไป
ผมเกิดที่ อ.ขาณุวรลักษณืบุรี จังหวัดกำแพงเพชร

ก็จำได้ว่า อยู่กับปู่ ย่า มาตลอด เพราะว่าพ่อกับแม่ มีอาชีพ ล่องเรือค้าขาย พวกเรือ พาย ไม่สัก ที่ใช้ปลูกบ้าน เอามาที่ที่ บางกอก มาครั้งนึง ก็ประมาณ 3-6 เดือน ก็เลยไม่ค่อยได้เห็นหน้าพ่อแม่เท่าไร

พ่อเล่าให้ฟังว่า  ตอนที่ไฟไหม้บ้านนั้น ผมเองยังแก้ผ้า ตัวเล็กๆอยู่ ทุกคนหนีออกมาจากบ้าน โดยไม่มีทรัพสินอะไร ออกมาเลย แม้แต่เงินบาทเดียว ก็ไม่มี  ไฟไหม้ไปหมดทั้งหลัง แบบไม่เหลือซาก

ตอนนั้นพ่อเล่าให้ฟังว่า ลำบากมาก แทบจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง ดีที่แม่คอยอยู่ ห้ามไว้

ผมเองก็เรียนที่โรงเรียน ท่าฟุตทรา(อาจจะเขียนผิดนะ) แถวๆตลาดนั่นแหละ แต่เดินครับ นะจะหลายกิโลอยู่ เพราะบ้านย่าไม่ได้อยู่ในตลาด

กว่าจะถึงโรงเรียนก็ แถไปเรื่อยๆครับ บางที่ก็ไม่ถึง มันไกลมาก แวะบ้านอายูร เสียก่อน(อาเป็นหมอ ที่เอาบ้านทำคลีนิค ในตลาด)

ช่วงที่น้ำท่วมนี่ จะลำบากมาก  ต้องลุยน้ำไปโรงเรียน ครึ่งล้อรถจักยาน รุ่นโบราญนะครับ ล้อใหญ่ๆ  สู๊ง สูง  อานหลังใหญ่มา นั่งงี้ เจ็บเลยครับ ก็ได้ลุง อีกคน ปั่นจักยานไปส่ง  วันไหนไม่ไปส่ง ก็ไม่ไป (ได้โอกาส)

ก็อย่างที่บอก บางที 1 ปี เจอหน้าพ่อแม่ 1-2 ครั้ง ย่าเลี้ยงก็คงตามใจกันไป  ย่าทำขนมขายทุกวัน ขนมน้ำตาล ที่หยดใส่ไม่แล้วเอามาประกบกันเป็นรูปต่างๆนะ หว๊านนน  หวาน กับอีกสารพัดขนม

เรียนอยู่ที่นั่นน่าจะแต่ ป.2  ไม่จบมั๊ง...พ่อแม่กลับมา พอมีกะตัง ก็มาซื้อที่ดิน ที่ บ้านโคนเหนือ  ตอนนั้นยังเป็น หมู่ 9 ต.คณฑี หรือเปล่า ไม่แน่ใจ  แต่ตอนนี้เป็นเทศบาล ต.เทพนครไแแล้ว

ซื้อที่ไว้ประมาณ 13-14 ไร่ ประมาณนี้ละ ตรงหน้าที่ๆซื้อ คือบ้านยายป๊อก แก่มากแล้ว เป็นหมอนวด จับเส้น หมอตำแยพร้อม

ตอนแรกที่มา ก็มาสร้างโรงสีข้าว ขนาดกลาง ที่สีข้าวได้วันละ 3 เกวียน  ตอนนั้น ยังไม่มีบ้าน ก็นอนในโรงสี นั่นแหละ โรงสีที่ทำนี้ สีข้าวฟรี  มีรถรับข้าวเปลือ แล้วส่งข้าวสาร เอาแต่รำกับปลายไว้ขาย  กับเลียงหมู

ผมก็จำไม่ได้ว่า ย้ายมาอยู่กับพ่อแม่ตอนไหน ก็คง ป2 นั่นแหละ มาเรียนที่โรงเรียน คณฑีประสิทธิ์อุปถัมป์ (คงไม่ต้องบอกนะ ว่าใครสร้าง 555)  ผมก็เรียนที่นั่นจนจบ   ป.6



 !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



จากนั้น ก็เป็นคนเดียว ของรุ่นนี้  ที่เข้าไปเรียนต่อที่โรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม  นอนนั้นเรียนที่ คณฑืพิทยาคมทั้งหมด (เพิ่งเปิดใหม่ๆเลย)  น่าจะ ม2/5

ตอนนี้เิ่มมองสาวโรงเรียน วชิรปราการแล้ว แต่ยิ้มๆให้กัน (แบบว่ามองตารู้ใจ  คือคนที่วางแผนจะแต่งงานในตอนแรกเลยละ  คบมา 10 กว่าปี จนทำงานเลย)

ตอนนี้ ยังไม่มีอะไรฉายแวว ออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน  การเรียนก็ระดับกลางๆ ถึงดีเล็กน้อย  จบ  ม 3 ก็ได้โควต้า เทคนิคกำแพงเพชร  เลือกแผนก ช่างยนต์

ข่วงนี้ เิ่ริ่มหัดเล่นดนตรี กีต้าร์ ซ้อมมันทุกคืน ประมาณ 1 เดือน ก็ตั้งวงดนตรี ในนาม ฟาวเท่นสปริง(อังกฤษลืมไปแล้ว)     มีการประกวด ที่โรงหนัง...ลืม แบบโอเพ่น  งานนี้เขาลือกันว่ามีการโกง  เอาอาจารย์ที่สอนนักเรียนวงที่ชนะ มาตัดสิน  ไม่เป็นไร ทุกคนรู้ว่าเราโดน...

อีกครั้งที่วิทยาลัยครู   คราวนี้ เราคว้าชนะเลิศ ได้อย่างสบาย แม้จะตั้งวงได้ 1 เดือนกว่าๆ  ก็สามารถล้มวงเล่นอาชีพได้

ก็เิริ่ม หาสาว มีเป็นแควนประจำ  ก็รักกันดีอยู่ มีคนนอนคู่ไม่เหงา นอกจากคนดั้งเดิม ก็เิ่ริ่มหาเพิ่มเติมได้ 2 คน น้องนกกับน้อง....หน้าวัดคูยาง

กิจกรรม ในเทคนิค เริ่มก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ ของแผนก ไม่ว่าทิมเชียร์กีฬาสี  ฝึกเองเต้นเอง  นำเชียร์เอง(ไม่ใช่คนเดียวนะ ร่วมกับเพื่อนๆ ในแผนก)

ช่วงวันศุกร์ วันเสาร์  กลางคืนก็ออกรับจ้างเล่นสตริงคอมโบ้ 5 คน  ลาเรียนบ้าง โดดเรียนบ้าง เวลาจบ ท่านอาจารย์ท่านใจดี  ถีบๆ ออกมาให้จบ  ปวช.จนได้

บ้านจนครับ กะจะเลิกเรียนแล้วทำงานเลย   ไอ้วุฒืครับ  มันจะไปสมัครสอบที่เชียงใหม่  เทคโนภาคพายัพ เชียงใหม่  มาออ้นวอน ให้ไปสอบเป็นเพื่อน..สุดท้ายมันก็ลากไปสอบกับมันจนได้


แต่ว่า....เทวดาเขาถีบ
ผมติดครับ มันไม่ติด  เอาแล้วซี  ผมก็จะไม่ไปเรียน  คุณแม่ข้อร้องอีกละ.....ไหนๆก็สอบได้แล้ว ไปเถอะลูก...นั่นคือ ทำไห้ผมต้องระเห็ดไปนอน เชียงใหม่   2 ปี เต็มๆ


!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


ไปเรียนเชียงใหม่ เทอมแรก หาที่อยู่ไม่ได้  เดินไปชน หอนรกครับ555+   ผมว่ารู้ทุกคน  ก็ทนอยู่มา 1 เทอม  แต่สาวสวยนะ ข้างๆหอ  ผมจะรอมาซักผ้า ที่ลำธารเล็กๆ ข้างๆหอครับ ฌะอไม่มาซัก ผมก็ไม่ไปซักเด็ดขาด  แอบมอง รออยู่อย่างนั้น  (ก็มาน  สุขจายยยย)  เพียงยิ้มเล็กน้อย ทักอีกนิด แค่นี้ก็ทนอยู่หอ นรกได้แล้วครับ(เพราะราคามันถูก)

เนื่องจากเรียนภาคบ่ายครับ เลิก 2 ทุ่ม แต่ถึงบ้านคี 2 ทุกคืนครับ  ทุกคืนจริงๆ

เลิกเรียนแล้วแล้ว ไม่เคยได้กลับบ้านสักที  ไปตีนุ๊ก  แล้วเอาหัวราน้ำ อยู่แถวๆ ร้านหน้า  มหาลัยเชียงใหม่ มช.  ก็มันเยื้องกันนิดเดียว  ถือเป็นกิจกรรมที่ต้องปฏิบัติร่วมกับเพื่อนๆ ในแผนก แต่ผมไม่มาววววว  หรอก   อย่างน้อยก็ลากกันกลับถึงบ้านทุกคน

ช่วงฤดูหนาว ก็เช่าหอไว้เก็บของ  ไปนอนบนดอย มันทุกคืน แบบว่า เวลาไปเรียน ต้องเตรียมเสื้อเที่ยวไปอีกชุดกันเลย  (คือทั้งห้องที่มาจากต่างจังหวัด ย้ายมาเช่าหอที่เดียว รวมกันหมด ๔้าโดดเรียนนี่ อาจารย์ไม่มีนักเรียนสอนเชียว)

ก็เรียนไป เที่ยวไปครับ แม่สาย ลำปาง ลำพูน กว้านพะเยา ห้วยตึงเฒ่า แม่แจ่ม  แม่แตง เรียกว่า 2 ปีนะ ไปแหลกเลย ด้วยรถจิ๊ป เท่ห์ๆ ของเพื่อน นัฐ (ขอบันทึกซื่อสาวไว้หน่อย น่ารักมา หยู กับ หยี เพื่อนเที่ยวเลย )

กิจกรรมก็ทำไปเรีอย สาวก็เหล่ นิดหน่อย แต่อาจจะเรียกได้ว่า มีเพื่อนสาวๆ แผนกอื่นๆ เยอะไปนิด เพราะเป็นคนที่ น่าคบ (555) ไม่ว่าบัญชี และอื่นๆ..ยังหาแฟนเป็นตัวเป็นตนไม่ได้

ช่วงเช้าก็ไปช่วยป้าคนหนึ่งขายก๋วยเตี๋ยวที่ใต้ถุนตึกสามัญ ทุกวัน ป้าแกก็รวยนะ แต่แกเหงา อยู่บ้าน เลยมาขายเล่นๆ ถ้าสาวสวยๆซื้อ ผมก็จัดลูกชิ้นเยอะหน่อย ขี้เหล่ก็ลดลงมา  จำนวนลูกชิ้นนี่ วัดที่ความสวยครับ ผมก็เลยเป็นที่รู้จักของสาวๆ มากหน่อย  ก็ทำแบบนี้มาจนจบ ปวส.  ละครับ (กินของแกฟรี อีกต่างหาก)

ปล..มีสาวคบอยู่แล้ว ที่รออยู่ ..ช่วงนี้ผมน่าจะเลิกกับ นกแล้ว เพราะความห่างไกล ไม่เป็นไร ผมมีน้องน้อย เข้ามาแทนที่ความเหงา  แต่คนแรก ผมก็ยัง ติดต่อกันอยู่ อย่างเหนียวแน่น คอยรอจดหมายตอบ ทุกวัน

!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

จบมาก็เกณฑ์ ตะหาร...ไม่ติด ถูกคัดทิ้ง  เพราะ หล่อเกินหน้า ผู้คุม 555+

หางานทำต่อเลยที่นี่  หาสัก ครึ่งเดือน ก็ได้ทำงานที่ บ.ยางสยาม จำกัด(ตอนนั้นยังเป็น ไฟร์สโตน อยู่)

นับเป็นความโชคดี ที่รับคนเดียว จากหลาย สิบคน มาแบบไม่รู้จักใคร..สอบๆไป 555   ได้งานทำวุ๊ย  คราวนี้ เขาเลือกเรา  เพราะความหล่อเกินห้ามใจ  555+

ไม่ใช่ บริษัท เชามีมาตรฐาน ถึงเครือซีเมนต์ไทย เอาเป็นว่าได้ทำงานละกัน ที่สาขา นครสวรรค์  หัวหน้าสาขาคือพี่นิกร  มันก็เข้าอีหร็อบเดิม

เลิกงานไม่เคยได้กลับบ้านไปเปลี่ยนชุด  ไม่ตี 2 ไม่กลับบ้าน เล่งหงห์ ...ทุกที่ละกัน หม้อบ้านใคร ไปตีมันให้หมด  ผ่านพ้นไป 1 ปี ก็ซื้อรถมือสอง  ช้างเหยียบ แค่งเทห์ มา 1 คัน  เริ่มหลงรักสาวดาวของห้างวิถีเทพนครสวรรค์ ซะแล้วเรา ขายเครื่องสำอางค์ ...

มีรถแล้วนี่ ถึงจะเก่าไปหน่อย ไม่เป็นไร ตั้งใจรัก ตั้งใจจีบ ถึงจะสวยสุดของห้างก็เถอะ สักวันคงใจอ่อนเอง เลิกงานต้องมาเดินผ่านให้เห็นหน้าทุกวัน  จนวันนึงก็ชวนไปกินข้าวด้วยกันที่ร้าน.....

ก็เริ่มสานตะกล้า ตะแกรง เอ้ยยย  สานความสำพันธ์กันมา ด้วยดี เพราะผมรักจริงนะ เมื่อความรักสุก มันก็งอม เป็นธรรมดา  เป็นช่วงที่มีความสุขมาก เพราะคนนี้ผมรักมากๆ และสงสารในขีวิตของเธอ

จนวันนึง เธอต้องไปประจำที่เชียงใหม่ ความห่างไกล เริ่มเข้ามา จนวันนึงผมได้รับช่าวจากเธอ..ผมขึ้นไปเชียงใหม่ทันที .. เราร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิด ทั้งที่ไม่อยากทำ  ยังจำและสำนึก รำลึกถึงอยู่จนทุกวันนี้ิ พร้อมทำดีทดแทนให้อดีต  ผมก็ยังคบกันอยู่ตลอด ช่วงนั้น ชีวิตมันขาดอะไรไปบางอย่าง

(คนเก่าผมก็ยัง จดหมายถึงกันตลอดครับ เธอไปทำงานสมุทรปราการ ขณะทำงานผมก็ฝากเงิน เข้าบัญชี ไว้ เอาไว้แต่งงาน) ก้ยังมีน้องๆจากพานิชย์ วิริยาลัยนครสวรรค์ มาให้กำลังใจบ้าง น้องกาญจ์ สาวขายของที่ีห้าง(ครั้งเดียวก็เกินพอ คิดว่าไม่ใช่แน่ กลัวผูกพัน



วันหนึง.......

เชื่อใหม แม่ผมโดนรถบรรทุกดินกำนัน...เส้นใหญ่มาก ที่ปทุมธานี ชน สาหัส ผมไม่รู้ เพราะทุกคนปิดผม ทุกคน หมดค่ารักษา เป็นหนี้เป็นล้าน...ทั้งบ้านไม่มีใครบอกผม   ผมรู้แต่ว่า แม่กับพ่อ เอาไม้มาขาย ที่ปทุม

เอาแต่ทำงาน วันๆ ไม่ได้ไปไหน ชิวิตโดนล็อก ติดห้องแอร์ 7-18.00 น.

ผมทำงานอยู่กับยางสยาม จนถึงช่วงที่เปลี่ยนมาใช้ คอมพิวเตอร์ (ผมแอบไปเรียน ดีเบส-โลตัส 123 ไว้ก่อนแล้ว)  แต่ผมคิดว่า ชีวืตลูกจ้างแบบนี้มันไม่ใข่ ไม่มีทางรวยแน่ๆ หนี้ทางบ้านเป็นล้าน ไม่หลุดแน่  ผมทำเรื่องลาบวช ให้แม่ แล้วขอลาออกเลย  ครบจบเป็นเวลา 2 ปี พอดี กับ ยางสยาม




!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ก้าวแรกที่โลดแล่น ในสังเวียนที่ต้องคิด ทุกวินาที (อย่างกะหนังจีน) ด้วยวัยประมาณ 22 ปี(น่าจะนะ)
จบ ปวส.+ทำงาน 2 ปี  กับภาระ ปลดหนี้ ล้านกว่าบาท ให้กับครอบครัวทั้งหมด

ให้พ่อสอน เรื่องการคิดไม้  การดูไม้ประเถท ต่างๆ ไม้สัก เป็นยังไง ไม้ตะแบก ไม้ยาง

 1 ยกติดยังไง   บ้าน 1 หลัง 3 วา คิดยังไง ประมาณ 1 อาทิตย์

ก็ขับรถ คันที่ซื้อตอนทำงานนั่นแหละ  ออกซื้อบ้านไม้สัก อย่างเดียว อย่างอื่นคัดทิ้งหมด แถวๆ นาบ่อคำ ประมาณนั้น เที่ยวแรกอาสัยเขามา ยังไม่ค่อยรู่เรื่องมากนัก มาลงที่บ้านถั่ว ปทุมธานี เอามา 1-2ิ หลังนี่ไม่แน่ใจ

ระหว่างขายนั้น ผมคืดว่าถ้ามาแบบนี้ไม่รุ่งแน่  ขายบ้านเทียวแรกได้ กำไร ประมาณ 3-5 หมื่นบาท (25 ปีที่แล้วนะ)

ตอนนี้ถึงเป็นครั้งสุดท้าย ที่ผมได้เจอกับแฟน คนที่ทำงานห้าง ขายเครื่องสำอางค์ เธอมาหาผมที่ กองไม้ ถามว่า เราจะจดทะเบียนกันได้ไหม ไอ้ผมก็ลังเลตอนนั้น เพราะไม่ได้คิดอะไรไว้  .. เธอคงมาถามเพื่อความมั่นใจ ในชีวิตคู่ แล้วจากวันนั้น ผมก็ไม่สามารถติดต่อกับเธอได้อีก จนถึงทุกวันนี้

นั่นคือครั้งสุดท้าย ที่เราพบกัน.....(ถ้าบังเอิญมาเจอ ขอบอกว่า ความทรงจำดีๆไม่มีวันลืม)


///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

เที่ยวต่อไป ทำเื่องเองทั้งหมดครับ เอาละซิที่นี่ อายุ 22 ปี ลุยทั้งป่าไม้ ตำรวจ สารพัด กำนัน ผู้ใหญ่ ลุยพรานกระต่ายเลยครับ  ไม้สักสวย ไม่แพง

ช่วงนี้ ถือว่าตัดเรื่องสาวๆไปเลย  มุ่งมั่นที่จะทำงาน ค้าขาย เพื่อปลดหนี้ใหทางบ้านให้ได้ ...

 เหล่ อย่างเดียวไม่มีหลี  ตัดทุกน้องออกหมด  เหลือคนเดียว ที่คิดจะแต่งงานด้วย(คนแรกเลย)

ง่วงละ  ว่างมาต่อ
วันที่  10-7-55

เมื่อทำเรื่อง ขนย้ายบ้านเอง ก็เขาหาป่าไม้ ยื่นเรื่อง ตามธรรมเนียน (ขอไม่ลงลึกละ  ) ระหว่างรอก็ตะเวณซื้อบ้านไม้สัก ประมาณ 15-20 หลัง เล็กใหญ่เอาหมด ขอให้เป็นไม้สัก ไม้อื่นๆ ตัดออกหมด หนักรถ แต่ไม้แดงเอานะ แขกแถวมีนบุรีชอบมาก

เอามากองไว้บ้านหลังนึง ที่ทุกคนกล่าวขานกันว่าร้ายมาก...เอาแล้วซี เราคนนอกพื้นที่ไม่รู้  เอางี้

ผมจ้างพี่เฝ้าให้ผมละกัน 5555    จ้างขโมยเฝ้าไม้เราซะ  จบเลย  ไม่มีหายสักแผ่น 3-4 เดือน  เมื่อใบอนุญาตออก ก็ใช้รถพ่วง 18 ล้อ  ขนมาที่ปทุมเลย  ลงข้างๆวันบ้านพร้าวนอก นั้นเอง

มาถึงก็ให้คนงาน ขยไม้ลง ผมก็ไปจัดการตามธรรมเนียม กับเจ้าที่เจ้าทางต่างๆ เรียบร้อย

ตรงนี้เองผมได้เจอกับแฟนผม คนปัจจุบัน.....เธอขายของอยู่ในวัดบ้านพร้าวนอก


...................................................................................................
วันที่ 28-8-55
บ้านเธอขายชองชำ อยู่กับพี่ และแม่ที่อายุมากแล้ว เราก็จำเป็น (จ้อง)ซื้อของทุกวัน  ตนกลายเป็นความคุ้นเคย  ก็รับอาสาขัยรถให้ เวลาไปซื้อของเข้าร้านที่จังหวัด

แม่เธอก็มาซื้อไม้ไปปลูกบ้านมั่ง ประมาณนั้น ผมก๋ต้าขายเฟอร์นิเจอร์ไม้สักด้วยที่นี่  ประมาณ 1 ปี เที่ยวแรกนี่น่าจะได้กำไรสัก  5-7 แสนนะ

ผมก็เอาไปปลูกบ้านแยกกับแม่ 1 หลัง ออกมาต่างหาก  ระหว่างที่ขายไม้เที่ยวแรก ผมก็ยื่นเรื่องเที่ยวที่2 รอต่อเลย ขึ้นไปกว้านซื้อไม้เป็นช่วงๆ  เพราะทำงานคนเดียว เลยไม่คล่องเท่าไร


ช่วงนี้เอง ที่ผมไม่มีเวลาที่จะดูแล-รับรู้ข่าวคราว หัวใจของผม   วันนึงพี่สาวผมลงมา บอกว่า  วิ่งผ่านหน้าบ้าน แฟนผม  เห็นมีงานแต่งงาน !!!!!!!!   (10 ปี ที่คบกัน)


ผมไม่รู้จะทำยังไง..หมดกำลังทำงาน ไปหลายวัน  คืดไรไม่ออก  ......จริงๆเวลานั้น

สุดท้าย..ช่างมัน เพราะมันไม่ใช่จองเรา  ขืนไม่ทำงาน  เดี๋ยวครอบครัวจะแย่  เพราะที่มานี่ มีผมกับแม่เท่านั้น  ถ้าผมไม่สู้ คือล้ม....


เที่ยวที่ 2 นี่ผมไปซื้อที่พรานกระต่ายทั้งหมด ...กองไว้นานพอดู ต้องไปเฝ้าเอง เล่นกองในเมืองเลย  ห่างจากโรงพักไม่มากนั้น +๑๒๓

ก็มีสาวจากวิลัยครูบ้าง จาก...บ้าง ไปเป็นเพื่อน ฮี่ฮี่ฮี่.......ช่วงนี้บ้านผมน่าจะเสร็จแล้วนะ

พอได้ใบอนุญาติ ผมก็ขนมาลงที่เดิม ครับ   ...







2 ความคิดเห็น: