(เหมือนจะเอาฮา..แต่จริงจังนะนี่)
ถ้าจะพูดถึงเรื่องกล้วย ก็คงไม่พ้นกล้วยน้ำว้า...เพราะ เป็นกล้วยที่ขายง่ายที่สุด ทำง่ายที่สุด สมัยก่อนนี้ 50กว่าปีที่ผ่านมา บ้านลุงก็ปลูกกันแต่กล้วย ร่ำเรียนจนจบ มีงานทำ ก็ด้วยกล้วยนี่ละ
.
.
พอถึงวันนี้หลังจากไปสู้ชิวิตที่รังสิต 20กว่าปี จนลูกเรียนจบเกือบหมดแล้ว เหลือคนเล็ก อีกคน เรียน อยู่ มหาลัย บูรพา ชลบุรี.....หลังนำท่วมใหญ่ ตัดสินใจ ย้ายครอบครัว กลับกำแพงเพชร โบกมือลา รังสิต กันเสียที
.
ช่วงแรกที่กลับมา ก็ปลูกมะเขือยาว ไปก่อน รวมกับกล้วย ตอนนั้นกล้วยยังไม่ได้เงิน ต้องรอ 1 ปี..ก็ปลูกมะเขือพวง มะเขือยาว เลี้ยงครอบครัวไปพรางๆ..ล้มๆลุกๆกันบ้าง ตามแบบอย่างเกษตรกรไทย
.
จนปีที่ 2 กล้วยเริ่มได้ผลผลิต...จึงหยุดการปลูกมะเขือ ริ่มลงมือ เก็บตัวอย่างพันธ์กล้วย เริ่มบังคับการกลายพันธ์ การมีการใช้ พาราควอชบ้าง ราดด้วยสาร สารพัดชนิด สังเกตุผลที่ได้อยู่ตลอดเวลา การทำงานจะเป็นแบบบ้านๆ ไม่ได้มีการบันทึกอะไรมากมาย
.
จากกล้วยรุ่นพ่อแม่ ที่ปลูกกันได้ไม่กี่หวี ผลที่ได้ กลับออกมาดีในต้นทดลองบางต้น ลุงเลยคัดแยกเอามาปลูกในแปลงต่างหาก...............สรุปว่า ได้จำนวนหวีเยอะเกิน10 จำนวลูก 16-18 ยาวและใหญ่มากกว่ากล้วยบ้านๆ 2 เท่า...เลยจัดการขยายพันธ์ ออดมาเรีื่อยๆ จนเต็มสวน
.
แต่ที่ดินมีจำกัดแค่ 4 ไร่ ทำยังไง ถึงจะเลี้ยงครอบครัวให้รอด...จึงตัดสินใจปลูกระยะชิด ที่ 250 ต้น/ไร่ ท่ามกลางเสียงนินทาว่า ไปไม่รอด...แต่ลึกๆลุงมั่นใจว่ามันได้ เลยก้มหน้าก้มตาทำตามความคิดเดิม
.
พอผลผลิตชุดที่ 2 ออกมา ตลึง อึ้ง ทึ่งเสียววว
.
ลุงปลูกได้แค่ 2 ไร่ตอนแรก เพราะน้ำไม่มี 10กว่าหวีทุกเครือ สำหรับกล้วยสาว แล้วไปนั่งขายเอง ทะยอยตัดไปเรื่อยๆ ตอนแรกก็ขายหวีละ 25 บาท คิดว่าหรู แล้ว
.
ต่อมาเริ่มทำปลอดสารพิษ ที่ 70% คือยังใช้บ้าง เพราะ มีมะเขือพวง ปนอยู่ในสวน มันอาจโดนบ้าง ขยับราคา ไปที่ 30-40 บาท....ช่วงนี้ ทำน้ำหมักใช้เองแล้วมาประมาณ 1 ปี
.
สุดท้าย หยุดเคมีทั้งหมด อัดน้ำหมัก..กล้วยใหญ่อย่างกะ ยักษ์ 55555
เลยลองขายที่40-50 บาท/หวี...........นี่ละคือที่มา ขายได้เครือละ 500-600-700 บาท
.
.
เวลาคิดคร่าวๆ ลุงจะคิดว่า ไร่ละ 200 ต้น(มันเกินอยู่แล้ว) เครือละ 10หวี...ไร่นึงก็จะขายได้ปประมาณ 1 แสนบาท(มันได้จริงๆ เพราะค่าเรียนลูกปีละเกือบแสน ยังส่งได้)
.
ลุงขยายการปลูก ไปสู่ลูกไร่ พี่ๆน้องๆ มาตลอด เกือบ 4 ปีนี้น
.
รายได้การทำกล้วยของลุง 3 ไร่ ระยะชิด จึงเท่ากับ คนอื่นปลูก 6-7 ไร่
.
แต่ละปีที่ผ่านมา จึงมีรายได้ มากกว่า 3 แสนบาท ต่อปี โดยมีต้นทุน แค่ค่าน้ำค่าไฟ เท่านั้น
.
ถ้ารวมกับงานอื่นๆที่ทำ เช่น สอนคอม ทำเพลง ขายอะไหล่คอม รายได้จึงเกิน 5 แสน บาท/ปี
.
สามารถที่จะปลดหนี้สิน จากหลายแสน จนเหลือ แสนกว่าบาท จะหมดแล้ว
.
ยังสามารถซื้อเครื่องมือ รถต่างๆ เอามาใช้ในสวน อย่างสะบาย
.
ปีนี้ ถึงจะเซ ไปนิด เพราะภัยแล้งและพายุ แต่ก็ยังสามารถ ที่จะทำเงินได้ เพราะกล้วยที่อื่นตายหมด
.
.
ฉนั้น ปีนี้จึงแห่ปลูกกันเยอะไปหมด แต่กล้วยที่แล้งตายก็มีเกือบทั้งประเทศ...ถามว่ามันจะล้นไหม
.
ยากครับ เพราะแต่ละปี กล้วยไม่เคยพอขายสักปี ไร่กล้วยกลายเป็นไร่อ้อย ไร่มัน ไปก็เยอะ
.
การปลูกกล้วยจึงยังเป๋นเรื่องที่มีความเป็นไปได้ ที่จะทำเงิน ง่ายไ เพียง มีน้ำให้มั่ง ปุ๋ยมั่ง แค่นี้กล้วยก็โต ได้แล้ว
.
อย่าทำเยอะ คนละ 3-5 ไร่พอ ดูแลเอง อย่างจ้าง เท่านี้ ไม่เกิน 1 ปี ก็มีรายได้ที่มั่นคง พอสมควรแล้ว
.
กล้วยปลูกที่ไหนก็ได้ เป็นเรื่องง่ายๆสำหรับคนที่ไม่รู้จะทำอะไร
.
จงลงมือทำทันที...............................ลุงแจ่ม อารมณ์ดี
ขอบคุณบทความและแนวคิดดีๆครับลุง
ตอบลบ